สวัสดีค่ะ วันนี้จันขออนุญาตนอกเรื่องจากเรื่องที่เขียนปกติ เป็นเรื่องจริงจังขึ้นมาบ้าง วันนี้จันอยากจะเขียนเกี่ยวกับการเป็นนักศึกษาปริญญาโทในยุค COVID-19 ที่ CMMU วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดลค่ะ มาเข้าเรื่องกันเลย !
หมายเหตุ : จันจะ edit หน้านี้ไปเรื่อยๆ เลยนะคะ อยากใส่เป็นรีวิวเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนไปแต่ละอย่าง แต่ละเทอมค่ะ
Table of Contents
เรียนอะไรที่ CMMU
ตอนนี้จันเพิ่งเข้าไปเรียนที่ CMMU รุ่น 24B สาขาวิชาเอกการตลาด (Marketing/MK) ภาคภาษาไทยค่ะ ดูข้อมูลรายวิชา ค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ที่นี่เลยค่ะ
จันชอบการวางหลักสูตรของที่นี่ เพราะไม่ได้แยก Service กับ Retail ออกจากกัน แถมวิชาเลือกมีด้านดิจิทัลอยู่หลายวิชา (จันอยากเป็น Digital Marketing ต่อยอดจากความรู้ด้านกราฟิก การเขียน และเว็บไซต์ที่จันมีค่ะ คิดว่าถ้ามีความรู้ด้าน Marketing แล้วศึกษาเพิ่มเติมเรื่องดิจิทัลก็น่าจะครบเครื่องดี ไม่รู้มองโลกในแง่ดีไปไหมนะ?)
คิดยังไงถึงเลือกเรียนปริญญาโทในช่วง Covid-19
จริงๆ ที่บ้านอยากให้จันเรียนป.โทมานานแล้วค่ะ แต่จันอยากทำงานก่อน เพราะว่าตอนที่จบป.ตรีโดยที่ไม่ใช่ใจรักขนาดจะทำมาหากินกับมันได้ เลยต้องใช้เวลาหาประสบการณ์การทำงานต่อยอดความสามารถพิเศษที่มีอยู่พักนึง ทำไปทำมาก็ 10 ปีแล้ว เพลินไปหน่อย
การตัดสินใจเกิดขึ้นในวันสบายๆ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หัวหน้าที่สนิทกันมากและทำงานด้วยกันอยู่ตอนนั้น โทรมาหาจันว่าตัดสินใจจะลาออก จันซึ่งรอมานานว่าจะออกพร้อมกัน เลยตัดสินใจจะพักเรื่องการงาน แล้วไปเรียนปริญญาโทค่ะ
จันคิดว่าการเรียนในช่วงเวลาแบบนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแย่ค่ะ เพราะเราไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องเสียเวลาไปกับเรื่องหลายๆ อย่าง และได้ลดค่าเรียนหรือสวัสดิการช่วยการศึกษา อย่างค่าเรียน Pre-course ก็ลดไปประมาณ 50% ค่ะ แม้ว่าเราจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นกับการทำความเข้าใจ แต่เพราะระบบเรียนออนไลน์ Record ต่างๆ ก็เอื้อให้เราทบทวนได้ค่ะ
แต่ถามว่ายากไหม เรียนออนไลน์ ยากมากค่ะ จันสงสารเด็กเล็กๆ ที่ต้องเรียนแบบนี้จัง สมาธิหลุดได้ง่ายมากเลยค่ะ จันจะอาศัยฟังๆ ไปก่อน แล้วมาจด lecture ตาม ถ้าไม่งั้นก็คือไปฟัง Section อื่นก่อนเรียน แล้วจด lecture เอาระหว่างเรียน แต่ถึงจะมีเบรคมีอะไร ก็ไม่ช่วยเลยค่ะ บางช่วงฟังไปจันพอกหน้าไป ตลกมาก เหมือนไม่ว่าง แต่มือมันว่างอ่ะเนอะ
การสมัครและสอบเข้า
แนะนำสมัครและจ่ายเงินช่วง Open house จะได้รับส่วนลดค่ะ ติดตามข่าวได้ทางเพจ CMMU จิ้มเลยค่ะ
เอกสารต่างๆ ที่ยื่นผ่านเว็บไซต์ก็ทั่วๆ ไปค่ะ ภาพถ่าย Resumé ปริญญาป.ตรี Transcript ฯลฯ แล้วก็มีให้เขียนว่าทำไมเราถึงอยากเรียนที่นี่ กับการเรียนที่ CMMU จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้อย่างไร ส่วนตัวจันเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเห็นหน้าเว็บเป็นภาษาอังกฤษหมด เลยตามน้ำไป แต่ใครไม่ถนัด ลองสอบถามได้ที่นี่ค่ะ (การติดต่อที่นี่ ผ่านไลน์เป็นหลักแล้วอีเมลตามค่ะ)
รุ่นของจันตอนแรกจะต้องสอบ CMMU TAP (วิชาพื้นฐานเลขและการอ่านเชิงวิเคราะห์) กับ TOEFL-ITP (ภาษาอังกฤษ) แต่สุดท้ายแล้วเขาเลื่อนไปหมดเลย แล้วเปลี่ยนมาเป็นการสอบสัมภาษณ์แล้วรับเข้าเลย ไปสอบอะไรต่างๆ ทีหลังค่ะ
สอบสัมภาษณ์
สอบสัมภาษณ์จริงๆ เหมือนไปคุยกับอาจารย์ภาควิชามากกว่า สบายๆ ถามมาตอบไปตรงๆ ค่ะ อาจารย์จะให้คำแนะนำที่เหมาะสมหลังจากได้ฟังเรื่องของเราแล้ว อาจารย์น่ารักมากค่ะ
CMMU TAP
จากที่จันค้นข้อมูลและดูตัวอย่างข้อสอบมา CMMU TAP จะคล้ายกับข้อสอบ TU-Smart II ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ค่ะ ของ CU-Best ของจุฬาฯ จะสอบหลายอย่างมากกว่า หนังสือข้อสอบของ TU-Smart 2 เท่าที่จันเห็นจะมีออกมาเล่มเดียว คือของทีมงาน CU-Best Club (ถ้าใครซื้อเล่มนี้แล้ว ไม่ต้องซื้อข้อสอบของจุฬา เล่มสีน้ำเงิน (ตะลุยโจทย์) ของเจ้าเดียวกันมานะคะ ซื้อเล่มใดเล่มนึงพอ เพราะข้อสอบซ้ำกันอยู่พอสมควร และมีส่วนเกินที่สอบไม่ตรงกันอยู่ค่ะ)
ตัวอย่างข้อสอบ
CMMU TAP ดูได้ที่นี่ค่ะ
TU-SMART II ดูได้ที่นี่ค่ะ
ข้อสรุปการสอบ
ยังไม่แน่ใจว่าสรุปจะยังมีการสอบตัวนี้อยู่ไหม เพราะเงียบหายไปเลย คาดว่าอาจจะยกเว้นไปเนื่องจากจัดสอบไม่ได้ค่ะ
TOEFL-ITP
สำหรับหลักสูตรไทย ต้องสอบตัวนี้เพื่อให้เปลี่ยนสภาพเป็นนักศึกษา ขอแค่เข้าสอบ จะผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ค่ะ ถ้าไม่เข้าสอบแล้วภายในเทอม 1 หาคะแนนอังกฤษมายื่นไม่ได้ ก็จะต้องพ้นสภาพนักศึกษาทันที แต่น่าเสียดายที่คะแนนที่ได้จะเอาไป exempt วิชาพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นหลักสูตร International จะเอาไป exempt ได้ค่ะ
*สอบถามข้อมูลทางคณะก่อน เผื่อมีเปลี่ยนแปลงนะคะ
ถ้าอังกฤษเก่ง สอบอะไรน่าจะคุ้ม
หลักสูตรไทยจะมีให้สอบอังกฤษด้วยกัน 3 ส่วนค่ะ
- สอบเพื่อเข้าเรียน เก็บเงินไปแล้วรวมกับค่าสอบก็คือการสอบ TOEFL-ITP (ราคาค่าสอบอยู่ที่ 1,700 บาท รวมในค่าสมัครเรียนคือ 2,500 บาทอยู่แล้ว) ทุกคนต้องสอบโดยไม่จำเป็นว่าจะต้องผ่าน ขอแค่เข้าสอบก็จะถือว่าสอบผ่านเป็นนักศึกษา (รุ่นจันอนุโลมให้ใช้ผลสอบตัวนี้ได้ หากเกิน 520 คะแนนจะไม่ต้องเรียนอังกฤษ (ข้อ 2) และสามารถใช้ยื่นจบ (ข้อ 3) ได้เลยค่ะ)
- สอบเพื่อ exempt วิชาภาษาอังกฤษ อันนี้ต้องหาสอบเอง (optional) IELTS (ค่าสอบ 6,900-7,710 บาท), MU ELT (ค่าสอบครั้งละ 450 บาท) , MU GRAD (ค่าสอบครั้งละ 3,500 บาท), TOEFL-IBT (ค่าสอบครั้งละ 6,000 บาท) ส่วนค่าเรียนภาษาอังกฤษในรายวิชา 7,000 บาท ส่วนตัวจันว่าถ้าสอบ MU ELT หรือ MU GRAD ได้ แล้วผ่านจะประหยัดค่าเรียนได้มาก แต่อื่นๆ ค่าสอบพอๆ กับค่าเรียนเลย เก็บไว้ไปสอบตอนจบน่าจะดีกว่าค่ะ
- สอบเพื่อเรียนจบ IELTS, MU ELT, MU GRAD, TOEFL-IBT ราคาตามด้านบนเลยนะ จันไม่แน่ใจว่าสมมติเราทำสอบครั้งเดียวตั้งแต่ขอสอบ exempt ภาษาอังกฤษแล้วมันผ่านเกณฑ์จบจะขอใช้เป็นหลักฐานสอบจบเลยได้ไหม แต่ส่วนตัวเราคิดว่าไม่น่าได้ เพราะ 1. ทางมหาวิทยาลัยน่าจะอยากเห็นความพัฒนาด้วย 2. อายุการสอบ 2 ปีอาจจะหมดก่อนเราเรียนจบ ถ้าใครสอบแล้วคะแนนดีมากจริงๆ ก็ลองถามดูค่ะ ตอนจบจันอยากสอบ IELTS นะ ถ้าทำได้ เพราะดูใช้อะไรได้มากกว่าเยอะเลยค่ะ
ตัวอย่างข้อสอบ
- Vocabulary & reading comprehension
- Structure & Writting Comprehension
- Listening Comprehension
- Test Preparation จาก ETS
ข้อสอบเก่าที่หาได้ทางอินเทอร์เน็ต
- http://conquerwithknowledge.blogspot.com
- https://www.ets.org/s/toefl_itp/pdf/itp-practice-test-level-1-volume-1-ebook.pdf
- https://www.ets.org/s/toefl_itp/pdf/itp-practice-test-level-1-volume-3-ebook.pdf
- ข้อสอบ Listening Practice
Update 11.09.2021 – หลังสอบ
ระบบการสอบ
ข้อสอบจะต้องลงโปรแกรมเฉพาะของ ETS ผู้จัดสอบในคอมพิวเตอร์ ส่วน Zoom สามารถแยกเปิดได้ ห้ามเข้าห้องน้ำระหว่างการสอบ สามารถเตรียมกระดาษเปล่าได้ 1 แผ่นสำหรับการ Shortnote ค่ะ
Interface โปรแกรมสอบ
โปรแกรมจะมีนาฬิกา Countdown เวลาอยู่มุมขวาบน ปุ่มเปิดหน้าถัดไปอยู่ขวาล่าง ปุ่มให้เรากด Mark ไว้ว่าเราไม่แน่ใจในข้อนี้ถ้าเวลาเหลือกลับมาดูใหม่อยู่ด้านมุมซ้ายล่าง ถ้าเกิดเราข้ามข้อนั้นไปเลยโดยไม่ใส่คำตอบ หน้า Review จะมีเครื่องหมายตกใจสีแดงอยู่ เราจะสามารถเข้าไปดูหน้ารีวิวได้เมื่อทำเสร็จทุกข้อและกด Next ทุกหน้าแล้วเท่านั้น
Listening หลังฟัง Conversation จบจะมีเวลาทำข้อละ 10 วินาที/ข้อ เราจะเห็น Choice ก่อนโดยไม่มีคำถาม จากนั้นเสียง Conversation จะมา แล้วให้เราเลือกตอบ ตอบเสร็จจะกด Next ก็ได้ หรือรอ 10 วินาทีให้เวลาหมดเปลี่ยนเองก็ได้เหมือนกันค่ะ
ตรงพาร์ท Structure & Written Expression กับ Reading จะต้องทำตามเวลาที่กำหนด ไม่สามารถข้าม Part ได้ ต้องทำไปตามข้อสอบเท่านั้น Structure จะเริ่มก่อน (ข้อสอบเติมคำในช่องว่าง) Written Expression (ข้อสอบ Error identification) ตามมาด้วย Part Reading จะมีเนื้อเรื่องแบบไม่มีคำถามขึ้นมาให้ก่อน เรา Scroll มาล่างสุดแล้วกด next โดยยังไม่ต้องอ่านก็ได้ แล้วหน้าถัดไปจะมีเนื้อเรื่องทางซ้ายมือและคำถามทีละข้อทางขวามือ ถ้าจะข้ามข้อให้กดให้กดปุ่ม Mark แล้วข้ามไป ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา ให้กลับมาทำข้อที่ข้ามหรือกด Mark ตอน Review เลยจะงายกว่า เพราะเวลาเปิดข้ามไปข้ามมา โปรแกรมให้เปิด Previous Page ไปทีละข้อ ส่วนเวลาคำถามที่เป็นถามศัพท์หรือเนื้อหาในย่อหน้า เขาจะ Bold หรือมีลูกศรชี้ใน Text ให้เลย สะดวกดีเหมือนกันค่ะ
ข้อสอบ
ข้อสอบแบ่งเป็น 3 Part Listening : 50 ข้อ 35 นาที Structure & Written Expression : 40 ข้อ 25 นาที Reading : 50 ข้อ 55 นาที (ข้อมูลเรื่องเนื้อหาต่างๆ ดูได้ที่เว็บไซต์ค่ะ) ส่วนตัว Part Structure & Written Expression กับ Reading ทำทันแบบฉิวเฉียดนิดหน่อยโดยเฉพาะตัว Reading ค่ะ เวลาเตรียมตัวสอบ ทำแบบจับเวลาด้วยจะดีกว่าค่ะ เพราะว่าข้อสอบพอถึงเวลาก็จะตัดไปเลย ไม่มีเวลารออาจารย์มาถึงนะคะ
ตรงที่เป็น Short Conversation แนะนำให้หลับตาแล้วฟังอย่างตั้งใจ ไม่ต้องจด note ส่วน Long Conversation ที่เป็นพาร์ทสุดท้ายให้จด แต่พยายามคิดไปด้วยว่าเขาคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ข้อสอบไม่ได้ถามลึกมาก ขอแค่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็จะตอบข้อสอบได้ค่ะ ข้อสอบ Listening จันแนะนำให้ไม่ต้องกด next อยู่กับข้อสอบตามเวลา เผื่อเราเปลี่ยนใจ ไม่ต้องใจร้อน ค่อยๆ ทำไปค่ะ
จันใช้หนังสือติวเล่มนี้ค่ะ สอบติดพิชิต TOEFL-ITP ของดร.กิตติ จิรติกุล เล่มนี้ระดับข้อสอบ ระดับเดียวกับที่สอบ ใช้ได้อยู่ค่ะ ในเล่มมีข้อสอบ 5 ชุดพร้อมเฉลยและคำอธิบายสั้นๆ มีซีดีไฟล์ mp3 ให้สอบฟัง อัดเสียงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แนะนำใส่หูฟังตอนทำนะคะ จะได้ชินเวลาสอบจริง ส่วนตัวก็ทำข้อสอบไป 4 ชุด อ่านข้อสังเกตต้นเล่มก็อ่าน แต่ไม่ได้ขนาดท่องไปสอบ ก็ทำสอบไปตามความรู้ที่มีค่ะ
ส่วนตัวจันคิดว่าประมาณระดับ TOEIC นะสำหรับข้อสอบนี้ ไม่ได้ยากหรือเป็นศัพท์เฉพาะด้านมากค่ะ ข้อสอบฟัง พูดชัด อัดเสียงดีมากค่ะ ดีกว่าหนังสือ บริบทก็ค่อนข้างเข้าใจง่ายอยู่ ที่ยากหน่อยจะเป็น Reading ที่รู้สึกว่าไม่ได้ยาก เข้าใจนะ แต่ไม่รู้จะตอบแบบไหนดี ประมาณนั้นค่ะ แต่ก็แล้วแต่พื้นฐานของแต่ละคน จันเรียนจบศิลปศาสตร์ วิชาโทภาษาอังกฤษมา แล้วก็ดูหนัง (ญี่ปุ่น) ซับอังกฤษบ่อยจันว่ามันก็ช่วยเยอะ แนะนำซื้อหนังสือมาสักเล่ม ลองทำดูว่าสำหรับตัวเองยากง่ายยังไง แล้วก็ปรับการเตรียมตัวมากน้อยตามความสามารถและตามที่เวลาอำนวยค่ะ
หลังสอบเสร็จจะได้คะแนนเลย ของจันได้คะแนนรวม 563 คะแนนค่ะ เต็ม 677 คะแนน
- Listening : 60
- Structure & Written Expression : 53
- Reading : 56
- Total : 563
Update 03.02.2022
สำหรับรุ่นจันที่ไม่สามารถจัดสอบ MU-ELT ได้และเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ทางมหาวิทยาลัยสรุปว่าจะใช้ TOEFL-ITP ที่สอบไปแทน เป็นการอนุโลม โดยที่นักศึกษาที่มีคำแนนมากกว่า 520 คะแนนจะไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มและสามารถใช้ตัวนี้ยื่นจบการศึกษาได้เลย ไม่ต้องสอบอะไรเพิ่มเติมแล้วค่ะ ซึ่งอันนี้จันก็คือรอดแล้วค่ะ ! เย้ !!!! ดังนั้นถ้าเขาสอบก็พยายามทำให้ดี อย่าทิ้งดิ่งไปนะคะ เพราะถ้าจะสอบอีกครั้งจะมีค่าสอบ 1,500 บาท (TOEFL-ITP) และถ้าต้องเรียนคือค่าเรียน 7,000 บาท+ สอบฟรีหลังเรียนค่ะ
อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับเรียน/สอบ online
จริงๆ ตอนเรียนไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ จะใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ Tablet login พร้อมกันหลายเครื่องก็ทำได้ อย่างจันมีคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีไมค์กับไม่มีกล้องตัวนึง tablet ตัวนึงและมือถือ จันดูจอผ่านคอมพิวเตอร์ (เสียงไม่ออก) ฟังเสียงและจดโน้ตในชีท pdf ผ่าน Tablet ตอนเรียนทำแบบนี้ค่ะ ถ้าวิชาไหนไม่เช็คชื่อดูเทปย้อนเอาก็ได้ ไม่ต้องเข้า ถ้าสงสัยอะไรค่อยถามผ่าน LINE แต่ฟังสดดีกว่าอยู่แล้วล่ะค่ะ
ทีนี้ปัญหามันเกิดตอนจะสอบนี่แหละค่ะ เตือนไว้เลยค่ะ !
อุปกรณ์ทั้งหลายจะจำเป็นเมื่อเราสอบออนไลน์ด้วยเหตุผลป้องกันการทุจริตการสอบค่ะ
คอมพิวเตอร์ / โน้ตบุค
Windows 10 ที่ค่อนข้างใหม่ พวกโปรแกรมและทีม support ของมหาวิทยาลัยจะถนัด Windows มากกว่า ถ้าเครื่อง Mac ทีม support อาจจะต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กับเพื่อนๆ ค่ะ และสอบ TOEFL-ITP จะต้องใช้ OS ล่าสุดและอัพเดท Browser ด้วยนะคะ (ดังนั้นคอม Mac ที่โดน Apple ทอดทิ้งจนอัพ OS ไม่ได้แล้ว อาจจะต้องซื้อใหม่ค่ะ)
กล้อง Webcam
การสอบต้องเปิดกล้องและมีบางวิชามีข้อบังคับว่าต้องเปิดกล้องกับทำข้อสอบในคอมพิวเตอร์ตัวเดียวกัน ใครไม่มีกล้องติดคอมพ์ต้องซื้อค่ะ
รูเสียบหูฟัง 3.5 mm. + หูฟังแบบเสียบสำหรับใช้กับคอมพิวเตอร์
โน้ตบุครุ่นใหม่ๆ ลำบากไปอีก ^^” ตอนสอบ listening ของ TOEFL-ITP ทางคณะไม่แนะนำให้ใช้หูฟัง Bluetooth ในการสอบ
Account Google Chrome แยกต่างหาก
อันนี้จันแนะนำส่วนตัวค่ะ เพราะลิงค์ของเว็บไซต์รวมถึงรหัส Login จะค่อนข้างเยอะพอสมควร จันแนะนำให้แยกแอตเคาท์ไปเลย ไม่มาปนกับของส่วนตัวเรา สะดวกดีค่ะ ถ้าเข้า Account นี้ก็จะใช้สำหรับเรียนโดยเฉพาะ หาอะไรก็ง่ายค่ะ จันใช้แยกกันหมดเลย ส่วนตัวอันนึง ทำเว็บอันนึง เรียนอันนึง ทำงานที่ทำงานก็อีกอันนึง (เวลาลาออกก็ง่ายด้วยนะคะ เอา Account นี้ให้ที่ทำงานไปเลย ไม่ต้องมานั่งลบของที่ทำงานออกทีละตัวๆ)
Pre-course วิชาปรับพื้นฐาน
Pre-course จะมี 2 วิชาด้วยกันคือ Accounting (เรียนเต็มวัน 2 วัน) ไม่ต้องเปิดกล้อง ไม่เช็คชื่อ กับวิชา Presentation Skill เรียนครึ่งวัน เปิดกล้อง
Accounting หรือวิชาบัญชี
ที่จันเรียน อาจารย์มี 2 คนด้วยกันค่ะ เนื้อหาจะค่อนข้างไปเร็วและรวบรัดหน่อย อาจารย์คนแรกถือเนื้อหาไว้ค่อนข้างเยอะ จันว่าฟัง record ของ section ก่อน/รุ่นก่อนไปล่วงหน้าสักสองรอบจะช่วยให้ตามทันค่ะ ถ้าไม่ฟังไปก่อนนี่งงมากๆ ยิ่งจันไม่มีพื้นด้วย ส่วนอาจารย์อีกคนจะไปช้าๆ มีแบบฝึกหัดให้ทำ กระตุ้นตลอด ช่วยได้มากเลยค่ะ
หนังสือที่จันคิดว่าดีมาก~ ช่วยทำให้เราเข้าใจมากขึ้นเยอะคือ หนังสือต่างประเทศที่อาจารย์ให้ไว้ใน Course Syllabus ชื่อ Financial Accounting, IFRS 2nd Edition Jerry J. Weygandt (จันหาได้จาก academy.edu ค่ะ แต่จะต้องสมัครสมาชิกฟรีเข้าไปก่อนนะ) เล่มนี้อ่านประกอบหลายเรื่องช่วยได้เยอะค่ะ โดยเฉพาะเรื่อง Debit-Credit แถมมีแบบฝึกหัดให้คลำตามไปเรื่อยๆ เลิศมาก แต่ด้วยความที่ของไทยมีบางส่วนที่ไม่เหมือนกัน ต้องฟังอาจารย์ก่อนแล้วดูว่าอันไหนที่คัดมาจากตำราภาษาอังกฤษค่อยไปเปิดดูตามค่ะ จันอ่านหนังสือภาษาไทยด้วย แต่รู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งงงค่ะ T^T
Update หลังสอบ 05/09/2021
มาอัพเดทเรื่องข้อสอบวิชาบัญชีให้ฟังนะคะ
Step การสอบ
(ติดตาม instruction ได้จากอาจารย์ผู้สอน จะมีบอกผ่านกลุ่ม LINE และอีเมลนะคะ แต่ละรุ่นอาจจะไม่เหมือนกัน อันนี้เป็นระบบจากที่จันสอบค่ะ)
- เข้าไปใน zoom ผ่านระบบ e-learning ของเว็บไซต์มหิดล (เข้าไปเหมือนตอนเรียนสด) เปิดกล้อง ปิดไมค์ คอมพิวเตอร์ที่ทำข้อสอบกับเปิดกล้องต้องเป็นตัวเดียวกัน
- พอถึงเวลาที่นัดไว้ให้เข้าหน้าข้อสอบผ่านหน้าเว็บไซต์
- ระบบจะตัดในเวลาตรงๆ เช่นหมดเวลา 20.15 น. หมายความว่า 20.15.00 น. ระบบจะตัดส่งข้อสอบให้อาจารย์ทันที แต่อาจารย์แนะนำให้ submit ข้อสอบก่อน 1-2 นาที เพราะถ้าระบบไม่ส่งข้อสอบให้ เราอาจกลายเป็นผู้ไม่ได้เข้าสอบได้ค่ะ
- ระหว่างสอบเปิดหนังสือได้ ใช้เครื่องคิดเลขได้ คอมพิวเตอร์ tablet ได้ แต่ห้ามใช้มือถือค่ะ นอกจากจะได้รับอนุญาตแล้ว (เช่น กรณีถูกกักตัวเพราะ Covid-19)
Interface การสอบออนไลน์
หน้าต่างข้อสอบจะแบ่งเป็นฝั่งซ้ายแคบๆ ที่บอกว่าข้อสอบมีกี่หน้า มีเป็น icon หน้าแยกๆ กันเลย หากเราทำหน้านั้นเสร็จแล้ว จะมีแถบสีเทาบน icon นั้นๆ เพื่อให้เห็นว่าเราทำข้อสอบหน้านี้ไปแล้วค่ะ ฝั่งขวา พื้นที่ให้ทำข้อสอบจะเป็นข้อสอบ 1 หน้าต่อ 1 ข้อ (หรือหลายข้อที่เกี่ยวเนื่องกัน) ยกเว้นพาร์ทถูกผิดจะเป็นทั้ง 10 ข้อใน 1 หน้า และตัวไอค่อนหน้าจะถูกแบ่งตาม Section ของข้อสอบ ของรุ่นจันมี 3 sections ถูก-ผิด เติมคำตอบ และ choice 4 ตัวเลือกค่ะ รวม 40 ข้อค่ะ (ถูกผิด 10 ข้อ เติมคำตอบน่าจะ 10 ข้อ และ choice 20 ข้อ ประมาณนี้นะ) แต่ละหน้าเมื่อเราทำเสร็จจะ autosave อัตโนมัติเมื่อเรากดหน้าถัดไป เมื่อเราทำเสร็จหมด หรือตัดสินใจจะส่งให้เรากด Finish attempt แล้ว submit all มันจะมีให้กด 2 รอบนะคะ ระวังด้วย
การเตรียมตัวสอบ
- คำนวณเยอะประมาณ 3/4 ของข้อสอบ ต้องให้หาโจทย์มาทำเพิ่มค่ะ ที่สอนในห้องไม่พอ ต้องเจอโจทย์ใหม่ๆ ด้วย
- จำชื่อ วิธีการคำนวณ ค่าต่างๆ ชื่องบเป็นภาษาไทย เพราะอาจารย์ใช้คำภาษาไทยในข้อสอบทั้งหมดเลยค่ะ อย่างการคำนวณแบบ Double Declining อาจารย์ใช้คำว่า สองเท่าของเส้นตรง ในข้อสอบค่ะ ถ้าจำเป็นภาษาอังกฤษจะต้องมาแปลกลับในหัวอีกที ใช้เวลามากค่ะ
- สำหรับการเตรียมเอกสารสำหรับ Open book แนะนำให้จดสูตรแยกต่างหากอาจารย์ 1 คนใช้ 1 แผ่น เอาแบบเฉพาะสูตรเลยค่ะ เพราะเราจะนึกออกก่อนว่าใครสอน ประหยัดเวลาการเปิด open book ไปได้นิดหน่อยค่ะ แล้วก็ในงบกำไร-ขาดทุนให้จดด้วยว่ามีรายการอะไรบ้าง เช่น โครงสร้างค่าใช้จ่ายดำเนินงานมีค่า Marketing ค่าเงินเดือนฝ่ายสนับสนุน ค่าการวิจัยพัฒนา เพราะในข้อสอบมีลิสต์มาว่ามีค่าใช้จ่าย นู้นนี้นั้นแล้วให้คำนวณกำไร EBIT แบบนี้ค่ะ พยายามจดให้เราเห็นชัดๆ เข้าใจได้รวดเร็วที่สุดและพร้อมคำนวณได้ทันทีค่ะ
- ถ้าทำ short note แล้ว แนะนำตอนว่างๆ เปิดวิดีโอของอาจารย์ฟังด้วย speed x2 ค่ะ จะช่วยการทำข้อสอบถูก-ผิดได้มากเลยค่ะ
- ถ้าสอบไม่ผ่าน 20/40 ก็จะต้องสอบใหม่กับรุ่นอื่นๆ ในระหว่างที่เราเรียนปริญญาโท สามารถสอบได้ 5 ครั้ง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม (ไม่ต้องนั่งเรียนใหม่ แต่เข้าสอบพร้อมกับรุ่นถัดไปค่ะ) จะโดนติด I ไว้จนกว่าจะผ่านค่ะ ถ้าผ่านก็ไม่มีภาระผูกพันใดๆ อีกต่อไป
เนื้อหาข้อสอบ
ยากมากเวอร์ อาจารย์บอกไม่ยาก ไม่ซับซ้อน อย่าเชื่อค่ะ 555 อาจารย์แค่ปลอบใจ อาจารย์ที่คิดว่าทฤษฎีเยอะมากๆ กลับออกสอบคำนวณเยอะกว่าที่คิด ตอนที่จันเห็นข้อสอบแล้ว จันมือสั่นอ่ะ จันทำไม่ทันไปน่าจะ 10 ข้อได้ ซึ่งเขาเอา 20/40 ว่ากันตรงๆ ว่ายังไม่รู้จะผ่านไหม (เอาเป็นว่าถ้าต้องสอบใหม่ จันจะกลับมาอ่านที่ตัวเองบันทึกไว้นี้อีกที)
ข้อสอบทำไม่ทันแน่นอน จันเลยตัดสินใจจะใช้เวลากับข้อที่มั่นใจเท่านั้นค่ะ เอาล่ะ อนุญาตให้ตัวเองตกใจได้ 2 วิ รวบรวมสติสตางค์ให้พร้อม หลังจากนั้นจันลงมือทำแบบนี้ในห้องสอบค่ะ
- ตอบข้อสอบ ถูก-ผิด ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ส่วนใหญ่เป็นทฤษฎีทั้งหมดเลย แนะนำให้อ่านผ่านๆ แล้วตัดสินใจไปเลยค่ะ เพราะคำนวณจะใช้เวลามาก อย่าเสียเวลากับตรงนี้นาน
- หลังจากนั้นให้สกรีนข้อสอบที่เหลือทั้งหมด กดดูทุกหน้า ข้อไหนที่ไม่ใช่คำนวณให้ทำเลย 5-7 นาที มันจะมีบางข้อที่เกี่ยวกับเดบิต-เครดิต รายการค้านี้ต้องเดบิตบัญชีอะไร เครดิตบัญชีอะไร โจทย์ที่เหลืออยู่ที่ไม่ใช่คำนวณจะประมาณนี้ค่ะ
- เวลาที่เหลือมาทุ่มให้คำนวณค่ะ พอสกรีนดูเรียบร้อยให้ทำแบบเติมคำก่อน เพราะว่ามั่วไม่ได้ ถ้าไม่ตอบก็คือไม่มีโอกาสถูกเลย ก็ทำตรงนี้ก่อนค่ะ ข้อไหนไม่ได้ก็ข้ามไปเลย (ตรงนี้จันข้ามไปข้อนึง ส่วนข้อที่ทำไปก็ไม่รู้ว่าถูกไหม 555 มันจะรอดไหมคะ)
- ทีนี้มาถึง choice จันแนะนำทำ Choice ข้อท้ายๆ ที่เป็นเรื่องค่าเสื่อมสิ้น ค่าตัดจำหน่ายก่อนค่ะ เพราะสูตรมันไม่ยาก แล้วไม่ต้องทำหลายชั้นด้วย อีก 2 เรื่องที่พอไหวคือการปรับ Adjusting Entries งบกระแสเงินสด
- FIFO LIFO จันทำตอนเวลาใกล้จะหมดแล้ว (เหลืออีก 5 นาที) จันทำข้อแรก (ซึ่งออกมาก็ไม่มีใน choice อีก) แนะนำให้มั่วโดยทำไปข้อนึง ที่เหลือก็เอาที่ใกล้ๆ กันค่ะ เช่นถาม Ending Inventory แบบ LIFO FIFO ค่าก็น่าจะใกล้ๆ กันแหละ คิดแบบนี้ 5555 ก็มั่วไปค่ะ (โอกาสถูกก็ยัง 1/4 แหละ 555)
- กำไร EBIT อันนี้ยากที่กว่าจะคิดว่ารายการไหนเกี่ยวไม่เกี่ยว คิดหลายชั้นค่ะ ข้ามไปก่อน ถ้าไม่มีอะไรจะให้ข้ามแล้วจริงๆ ค่อยกลับมาทำค่ะ
- ข้อสอบที่รู้สึกว่าเยอะ คือ พวกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญค่ะ รู้สึกมาหลายข้อเลย %จากยอดลูกหนี้ ออกเยอะค่ะ นอกจากจะต้องคำนวณแล้ว ยังมีเกี่ยวกับเรื่องเวลาด้วย โจทย์แค่อ่านก็งงแล้ว แบบปีนี้มีลูกหนี้เท่านี้ ปีถัดไปเอาเงินมาคืน ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเมื่อจะเป็นเท่าไหร่ เหมือนที่สอนในห้อง แต่พอเป็นข้อสอบทำไมรู้สึกงง !
- จันกดส่งก่อนเวลา 2 นาทีค่ะ โดยมั่ว Choice ที่ทำไม่ทัน แล้วกดส่งเลย เพราะถ้าระบบตัดแล้วไม่ส่งข้อสอบให้เรา ถือว่าเราไม่เข้าสอบ อันนี้จันว่าเสี่ยงกว่าค่ะ
- ทีเหลือก็สวดมนต์ ภาวนา หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ 555
Presentation Skills หรือวิชาทักษะการนำเสนอ
วิชานี้ต้องเปิดกล้อง อาบน้ำแต่งตัวให้พร้อมค่ะ และมีเช็คชื่อต้นคาบค่ะ ต้องเข้าเช็คชื่อนะคะ ไม่งั้นต้องลงเรียนใหม่ ใน 3 ชั่วโมงอาจารย์สอนจากประสบการณ์ของอาจารย์เอง วิธีเตรียมเนื้อหายังไง ซ้อมพูดยังไง และมีกิจกรรมให้ทำเกี่ยวกับทักษะการพูดนำเสนอ Presentation ค่ะ วิชานี้ไม่ซีเรียสมาก เป็นโอกาสที่ได้ทำความรู้จักกันมากกว่าค่ะ
เทอม 1
เทอมหนึ่งที่แท้ทรูมาถึงแล้วค่ะ ! จันเรียนทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ซึ่งเป็นวิชาพื้นฐานที่ทุกคนใน CMMU ต้องผ่านไปให้ได้ค่ะ นั่นคือ วิชา Corporate Finance วิชา Marketing และวิชา Contemporary Management นั่นเองค่ะ
Corporate Finance
สำหรับจันวิชาการเงินก็ยังยากกกกกกกก เสมอต้นเสมอปลายเลยค่ะ อดีตคนซ่อมคณิตศาสตร์อ่ะเนอะ ฮ่าๆ~ อาจารย์ที่สอนมีให้เลือกทั้งหมด 3-4 คนค่ะ ถ้าได้รับประสบการณ์จากวิชาการเงินแล้ว อาจารย์คนเดิมสอน ถ้าไม่ชอบแนวการสอนก็ให้เปลี่ยนคนนะคะ เพราะเราจะดูวิดีโอการสอนของอาจารย์คนอื่นๆ ไม่ได้ค่ะ แต่เรายังมีเพื่อนๆ อยู่ ก็ลองถาม ลองขอดูถ้าอยากจะดูของคนอื่นๆ เพราะเพื่อนๆ น่ารักทุกคนค่ะ
เนื้อหาข้อสอบ
ข้อแนะนำ
งานชิ้นใหญ่
Marketing
เนื้อหาข้อสอบ
ข้อแนะนำ
งานชิ้นใหญ่
Contemporary Management
เนื้อหาข้อสอบ
ข้อแนะนำ
งานชิ้นใหญ่
เทอม 2
สำหรับเทอม 2 จันยังเป็นตารางเรียนวิชาหลักต่อ นั่นก็คือวิชาเศรษฐศาสตร์ และวิชาดิจิทัล (Digital Business Management) กับวิขา Consumer Behavior ค่ะ ยังคงเป็นรูปแบบออนไลน์อยู่ในเทอมนี้ แล้วก็จันเรียน 2 วันค่ะ คือวันอาทิตย์เช้า-บ่ายและวันพฤหัส
ปล. บางคนจะได้เรียนวิชา Marketing Research ก่อน ซึ่งเอาจริงว่าถ้าวิจัยมาอยู่ในเทอม 2 จะดีกว่ามากเลยค่ะ เพราะเทอม 3 งานส่งค่อนข้างเยอะ ในขณะที่เทอม 2 ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรมาก
เศรษฐศาสตร์
อาจารย์ที่สอนมีสองคน อาจารย์คนนึงจะหนักไปทางทฤษฎีแม่นและหัวเราะเก่ง ส่วนอาจารย์อีกคน ใจดี สุภาพ จะเน้นสอนเข้าใจง่ายค่ะ จริงๆ จันเคยฟังทั้งสองคนมาแล้ว คิดว่าโอเคทั้งคู่ ก็แนะนำให้ดูวันที่เหมาะกับตารางของตัวเองค่ะ ห้องจัน อาจารย์ก็ไม่ได้เช็คอะไรมาก ไม่ต้องเปิดกล้องก็ได้ค่ะ มี Make up class บ้างในวันที่อาจารย์มีภารกิจค่ะ แต่ครั้งเดียวเองมั้ง การสอบเป็นมิดเทอมกับปลายภาค มีคะแนนช่วยเป็นรายงานค่ะ
เนื้อหาข้อสอบ
ข้อสอบของ Econ จะพิเศษหน่อยตรงที่เป็นชอยส์ที่มี 5 ตัวเลือก และในหลายข้อมีให้ตอบได้มากกว่า 1 ข้อค่ะ นอกจากนี้มีหักคะแนนในข้อที่ตอบเกินด้วยค่ะ ดังนั้นไม่สามารถทิ้งดิ่งได้ คำถามเป็นทฤษฎีที่จันเจอเยอะ คำนวณมีเยอะไม่เท่า แต่ข้อสอบแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ ไม่มีให้เติมคำตอบ เป็นชอยส์อย่างเดียว สิ่งที่ควรระวังคือทำไม่ทันค่ะ มัวลังเลอยู่ไรงิ
ข้อแนะนำ
ถ้าคำนวณข้อไหนไม่ได้ให้ปักธงแล้วกลับมาทำทีหลังค่ะ อย่าติดอยู่กับข้อไหนนานๆ ตัวชอยส์เยอะ อ่านให้ดี ส่วนการเตรียมตัว แนะนำให้ทำการบ้านทั้งหมดค่ะ แล้วลองแยกเคสออกมา เพราะมันจะมีเคสอยู่ไม่กี่เรื่อง เช่น ยาเสพติด ยางพารา จำนำข้าว ราคาน้ำมัน สิทธิบัตรยา จะเป็นเคสที่เจอในข้อสอบทุกปี (Midterm) ให้ลองจัดเป็นชุดๆ แล้วดูลักษณะคำถามค่ะ คำถามที่ถามจะไม่ต่างกันกับในข้อสอบสักเท่าไหร่ แต่เคสอาจจะต่างกันเท่านั้น
งานชิ้นใหญ่
จะมี 1 ชิ้นงานค่ะ ทำเป็นกลุ่ม โดยสองกลุ่มพรีเซ็นต์ก่อนมิดเทอม สองกลุ่มพรีเซ็นต์ก่อนไฟนอล อาจารย์ที่สอนจันจะแจ้งเลยว่าให้คะแนนเต็มในทุกๆ ชิ้นงานถ้างานออกมาไม่หยาบคายเกินไป และมี Key Point ที่สำคัญๆ สำหรับการสอบ ก่อนพรีเซ็นต์อาจารย์ให้ส่งให้ดูก่อนเผื่อมีเนื้อหาที่ต้องแก้ไขปรับปรุงค่ะ อาจารย์จะขอให้เรียนก่อนแล้วค่อยเอาไปทำ ดังนั้นถ้าได้กลุ่มช่วงปลายภาค แนะนำให้หาข้อมูลพื้นฐานมาเตรียมไว้ แบ่งงานเป็นช่วงก่อนมิดเทอมกับก่อนไฟนอลค่ะ ถ้ามีข้อสงสัยก็สามารถนัดอาจารย์ได้ค่ะ
Digital Business Management
อาจารย์ที่สอนมี 2 คนค่ะ อาจารย์ที่สอนจันเป็นอาจารย์พิเศษ เป็นคนชิลๆ ตลกดีค่ะ เนื้อหามันจะออกแนวว่าจะเอาเครื่องมือดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานได้ยังไง ตอนที่เรียนก็มีความสับสนเล็กน้อย เพราะเหมือนอาจารย์สองคน มากันคนละแนว บ้างก็มีกระแสบอกว่าสองคนสอนไม่เหมือนกันเลย ข้อสอบก็ไม่เหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วข้อสอบเหมือนกันนะคะ 555 เอาเป็นว่ายึดตามอาจารย์ที่เรียนแล้วกันค่ะ
เนื้อหาข้อสอบ
ข้อสอบเป็นข้อสอบเขียนให้เวลาประมาณ 3 วันแบบเริ่มวันจันทร์ส่งวันพุธประมาณนี้ค่ะ จะเป็นเคสยาวๆ มาแล้วค่อยๆ ตอบคำถามไป อย่าลืมตอบให้ตรงคำถามและดูพวก Tools ให้ดี ว่าเขาอยากให้เราเอาสโคปเนื้อหาตรงไหนไปใส่ค่ะ และต้องตอบให้พอดีกับพื้นที่ที่เว้นมาค่ะ ถ้ามี 4 บรรทัดก็ต้องตอบตามนี้ อย่าให้เกินค่ะ ถ้าเกินในหน้าข้อสอบบอกว่าจะไม่ตรวจทั้งข้อนั้นค่ะ
ข้อแนะนำ
ส่วนตัววิชานี้ จันใช้เวลาตั้งแต่หกโมงเย็นถึงประมาณตี 1 ทำเสร็จค่ะ ก่อนการสอบก็จะทำ Shortnote แบบกระดาษเอาไว้ พอตอนทำข้อสอบก็ค่อยๆ พลิกดูตามเคสกับคำถามไป จริงๆ ถ้าพิมพ์ใส่คอมไว้ คิดว่าน่าจะช่วยประหยัดเวลาตอนทำข้อสอบได้เยอะเลยค่ะ แต่ว่าก็ไม่ได้ทำ 55
งานชิ้นใหญ่
งานชิ้นใหญ่มี 1 ชิ้นค่ะ ให้เลือก 1 บริษัทแล้วค่อยๆ เอาเนื้อหาที่เรียนไปจับเพื่อแนะนำว่าบริษัทนี้ควรเอาเครื่องมือทางดิจิทัลไปใส่อะไรบ้าง ทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายอัดเป็นวิดีโอพรีเซ็นต์ส่งอาจารย์ท้ายเทอมค่ะ อาจารย์ของจันให้ทำในคาบเลย เรียนเสร็จก็เข้ากลุ่ม แล้วอาจารย์ก็เข้าไปช่วย ต่างกับอาจารย์อีกคนที่ไม่ได้ให้ทำในคาบ อีกห้องเลยต้องมาหนักตอนท้ายเทอม แนะนำว่าถ้าอาจารย์ไม่ได้ให้ทำในคาบก็พยายามทำตามไปทุกคาบที่สอนจะช่วยได้ค่ะ ในส่วนของบริษัทจะเลือกบริษัทอะไรก็ได้ แต่อย่าเลือกบริษัทที่เป็นเชนระดับโลกและบริษัทที่ไม่มีเพื่อนทำงานอยู่ค่ะ เพราะว่าตอนทำจะสงสัยอยู่ตลอดว่าตรงนี้เขามีแล้วยังนะ มีคนในตอบคำถามได้ทันทีจะดีกว่าค่ะ
Consumer Behavior
อาจารย์ที่สอนจันเทอมนี้เป็นอาจารย์พิเศษค่ะ ปกติอาจารย์ไม่ได้สอนวิชานี้แต่สอนวิชาในเทอมสาม แต่เนื่องจากอาจารย์ที่สอนปกติลาหรืออะไรสักอย่าง อาจารย์เลยมาสอนแทน แรกๆ ค่อนข้างไม่ค่อยเข้าใจงานที่อาจารย์สั่ง แต่พอเรียนไปสักพักแล้วจะเข้าใจอาจารย์เองค่ะ อาจารย์เปิดกว้างมาก ถามแล้วชวนให้คิดต่อ ถ้าอยากขอนัดคุยเรื่องงานกลุ่มอาจารย์ก็ยินดีมากๆ ตลอดเลยค่ะ
เนื้อหาข้อสอบ
วิชานี้มีการสอบมิดเทอมและปลายภาค 1 ข้อ 1 บทค่ะ ต้องรู้จักทฤษฎีที่อาจารย์สอนแล้วเอามา Apply กับเคสที่ให้ วิชานี้ใช้ตรรกะมากๆ ต้องพยายามเขียนให้เป็นเหตุเป็นผลที่เข้าใจได้ แถไม่ได้ค่ะ 55 ส่วนเรื่องเวลาพอไหม จันไม่ติดปัญหานะ ส่วนมากจะเหลือเวลาประมาณ 30 นาทีเป็นอย่างต่ำส่วนมาก ปล. แนะนำให้ใช้ Tablet ในการเขียนข้อสอบหรือ Pdf Editor ในการทำข้อสอบนะคะ เพราะตัวข้อสอบเป็นกรอบๆ ไฟล์ pdf
ข้อแนะนำ
ตอนสอบเป็น Open Book พยายามทำ Shortnote แยกบทให้ดีจะได้หาง่ายๆ ค่ะ เพราะจริงๆ เนื้อหาวิชามันไม่ได้เยอะอะไรมาก แต่ถ้าหาในสไลด์ จันคิดว่านาน เพราะเรื่องนึงมีหลายหน้า ก็พยายามโน้ตหัวข้อไว้ก่อนจะง่ายขึ้นค่ะ เอาเวลาไปทุ่มกับการวิเคราะห์โจทย์ดีกว่าค่ะ
งานชิ้นใหญ่
มีงานกลุ่ม 1 ชิ้นค่ะ กับงาน Weekly อีกสองครั้ง งานกลุ่มทำ Infographic กับรีพอร์ทในหัวข้อที่เราเลือกว่าจะสำรวจพฤติกรรมอะไร ที่สำรวจต้องใช้ Google Form และทำ SPSS ทางสถิติด้วยค่ะ งาน Weekly เหมือนให้ไปสำรวจพฤติกรรมให้ Topic ต่างๆ ให้เวลา 1 อาทิตย์ แต่ละกลุ่ม ผลัดกันทำค่ะ 1 กลุ่มทั้งเทอมทำสองครั้งค่ะ
เทอม 3
เป็นเทอมที่งานส่งค่อนข้างหนัก งานกลุ่มเยอะ ต้องคุยกันแทบทุกวัน กลุ่มดีมีชัยจริงๆ ค่ะ แต่มีสอบมิดเทอมแค่วิชาเดียว และการสอบ Comprehensive Exam ที่ใกล้เข้ามาทุกที !
Marketing Communications in Digital Era
จริงๆ มันคือ Digital Marketing ใช่ไหมนะ เรียนกับอาจารย์ที่สอน Consumer Behavior เมื่อเทอมก่อน เทอมนี้เป็นวิชาจริงของอาจารย์ค่ะ ก็จะเรียนในลักษณะของการเป็นเอเจนซี่แล้วใช้เครื่องมือต่างๆ แก้ปัญหาให้ลูกค้า จะออกแบบ Campaign ยังไงอะไร ต้องทำอะไรบ้าง ใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์แบบไหน เป็นต้นค่ะ
เนื้อหาข้อสอบ
วิชานี้เป็นวิชาเดียวในเทอมนี้ที่มีสอบมิดเทอม ข้อสอบจะมีเคสให้แล้วให้วิเคราะห์ซึ่งแพทเทิร์นอาจารย์จะสอนให้ตั้งแต่ตอนเรียน แพทเทิร์นและวิธีคิดไม่ได้แตกต่าง แตกต่างที่เตส ซึ่งก็ต้องไปอ่านเอาตอนสอบ
ข้อแนะนำ
แนะนำให้ลองดูตัวอย่างของแพทเทิร์นแล้วสังเกตดีๆ ว่าควรเป็นลักษณะไหนได้บ้าง กรอบไหนสัมพันธ์กับกรอบไหน หรือบางอย่างก็เป็นแพทเทิร์นที่หยิบของตัวอย่างมาใช้ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเคสด้วย
งานชิ้นใหญ่
มีสองชิ้น ชิ้นแรกเป็น Presentation Project ให้เลือกแอพพลิเคชั่นมาแล้วออกแบบตามขั้นตอนจนเป็นงานนำเสนอเพื่อหาวิธีแก้ไขปัญหาการตลาดให้แอพฯ นั้นๆ อาจารย์ให้ทำในคาบทุกอาทิตย์ ส่วนอีกงานเป็นการคอมเมนท์งานเพื่อนในเรื่องที่กลุ่มจับฉลากมาได้ อันนี้ยากมากๆ แนะนำให้เตรียม Material และศึกษาการใช้งานให้เข้าใจจริงๆ ไม่งั้นจะอ้ำอึ้งหรือตอบคำถามเพื่อนลำบาก และควรคุยกันแต่เนิ่นๆ เตรียมตัวให้พร้อมตั้งแต่ต้นเทอม เพราะปลายเทอมงานส่งเยอะมากๆ แทบไม่มีเวลาเลย
Retail Marketing
เป็นวิชาที่เรียนเรื่องการค้าปลีกหรือว่าศาสตร์การมีหน้าร้าน โดยจะเน้นไปที่ร้านขายสินค้าเป็นหลักไม่เน้น Service สิ่งที่ต้องจำให้ดีในทุกๆ การทำงานส่งคือเป็นเรื่องของการขายของในฐานะร้านค้า ห้างฯ หรือซุปเปอร์ ถ้าโดนโจทย์ให้ไปสังเกตร้าน เราต้องคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้านที่ไปสังเกต ถ้าไม่จำตรงนี้ งานส่งที่ได้จะเป๋ไปหมด
เนื้อหาข้อสอบ
วิชานี้สอบปลายภาคครั้งเดียวเลยค่ะ จะเกรดอะไรก็ตัดกันตรงนี้ ข้อสอบเป็นเขียน 4 ข้อ Open Book อาจารย์ให้เขียนประมาณข้อละ 1 หน้าค่ะ เพื่อให้มีธง มีรายละเอียดที่ชัดเจน
ข้อแนะนำ
ข้อสอบจะคล้ายๆ กิจกรรมในคลาสค่ะ ลองทวนจุดนั้นเป็นพิเศษดูนะ ส่วนเรื่องการเรียน อาจารย์บังคับให้เปิดกล้องและต้องมี Participation ด้วย อาจารย์นับคะแนนทุกคาบจนลนไปหมด แต่เพราะในห้องพยายามช่วยกันตอบ หลังๆ อาจารย์เลยลดตรงนี้ลง แล้วให้ Participate เป็นตัวแทนกลุ่มแทน จันแนะนำให้จดในคาบให้จบนะคะ ถ้าตอนเรียนไม่ตั้งใจ กลับมาฟังวิดีโอ ค่อนข้างใช้เวลามากๆ เลยเพราะมีการ Participation เยอะ บางทีเวลามันจะย้วยหน่อย อ้อ แล้วก็วิชานี้อาจารย์ไม่ Record ให้ค่ะ ต้องอัดกันเอง
งานชิ้นใหญ่
งานค่อนข้างเยอะ และด้วยบรรยากาศมันทำให้รู้สึกว่าเป็นงานใหญ่ไปหมดเลย งานชิ้นแรก งานเดี่ยวให้เราเลือกสินค้า 1 ชิ้น เช่น ข้าวสาร ช็อกโกแลต ลูกอม (เลือกสินค้า 1 อย่าง) แล้วไปสำรวจในร้านต่างๆ อาจารย์ดูความขยันกับการวิเคราะห์เป็นหลักค่ะ ซึ่งต้องไปสังเกตดู อย่าไปสังเกตในฐานะที่จะออกแบบ Product นะคะ อันนั้นจะผิดวัตถุประสงค์ พยายามไปให้มากสาขาที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ และถ่ายรูปมาเยอะๆ งานชิ้นที่ 2-3 เป็นงานกลุ่ม โจทย์เข้าใจไม่ยากค่ะ แนะนำว่าให้ตีโจทย์ด้วยกันทั้งห้อง ว่าควรเลือกประเด็นไหนมาพูดบ้างค่ะ อาจารย์ไม่ได้ต้องการทุกเรื่อง ถ้าช่วยกันคิดว่าควรพูดเรื่องอะไรบ้าง จะใช้เวลาทำน้อยลงค่ะ
Marketing Research
อาจารย์ตลกดีค่ะ ถ้ามีข้อสงสัยให้พยายามถามให้หมดในคาบ เพราะอาจารย์ไม่ได้คุยได้ทาง Line ที่เราสอบถามได้ง่ายๆ ค่ะ วิชานี้ใช้เวลาค่อนข้างมาก เพราะเราต้องทำงานกลุ่มเป็นงานวิจัย 1 เล่มค่ะ แนะนำให้คิดหัวข้อให้รอบคอบ มี Connection กับคนที่เราจะสำรวจ จะง่ายขึ้นค่ะ แล้วก็พยายามทำให้เร็วและคืบหน้าให้ได้มากที่สุดในทุกๆ ครั้งที่อาจารย์สั่ง เพราะถ้าเราเลทไปเรื่อยๆ งานจะไปหนักตอนช่วงสอบไฟนอลค่ะ (และอาจยาวไปถึงการช่วงที่ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ Comprehensive Exam ค่ะ)
เนื้อหาข้อสอบ
ข้อสอบเป็นข้อเขียน สอบเฉพาะไฟนอล มีทั้งหมด 5 ข้อ เวลา 3 ชั่วโมง อาจารย์ให้ไปสอบที่คณะ สามารถ Openbook ได้ค่ะ บางส่วนจะได้จากการที่เราลงมือทำวิจัยจริงๆ อยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสทำให้ครบในทุกๆ บทได้จะดีค่ะ หรือจะตั้งใจฟังจากที่อาจารย์คอมเมนท์งานก็ได้เหมือนกัน
ข้อแนะนำ
สำหรับที่ควรเตรียมเอกสารไปเพิ่มเติมคือ 1. โน้ตย่อ/ชีทเรียน เป็นกระดาษ อาจารย์ไม่อนุญาต Tablet นะคะ 2. Print งานตัวอย่างทั้งวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณ โดยปริ้นท์บทที่ 1, 2, 5 และสารบัญค่ะ
งานชิ้นใหญ่
งานกลุ่มทำวิจัย 1 เล่ม มีความคืบหน้ามาอัพเดททุกสัปดาห์ค่ะ
Comprehensive Exam
อันนี้ก็เป็นความน่าสะพรึงของการเรียนป.โท เลยจะมาคุยให้ฟังตรงนี้แล้วกัน อันนี้เป็นกรณีของจันที่เพิ่งสอบเสร็จไปวันที่ 10 กันยายน (2022.09.10) ที่ผ่านมาค่ะ
รายละเอียดการสอบ
ข้อสอบให้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง สอบทั้งหมด 4 วิชา โดยบังคับวิชา Contemporary Management และให้เลือกทำ 3 วิชาจากทั้งหมด 4 วิชา (Finance, Econ., Marketing, Digital) ของจันเป็นสอบออนไลน์ ห้าม Open Book ต้องเปิด Zoom อาจมีขอให้หมุนกล้องหรือให้เปิดไมค์ในบางคนคุม แล้วแต่ความเคี่ยวค่ะ
การเตรียมตัว
หลังสอบไฟนอลเทอมล่าสุดเสร็จ จันมีเวลาในการเตรียมตัวสอบ Comprehensive ประมาณ 2 อาทิตย์ สำหรับเพื่อนๆ ที่ทำงานประจำ จันแนะนำให้เผื่อไว้สัก 1 อาทิตย์ก็จะดีค่ะ (แต่ช่วงก่อนไฟนอล งานส่งจะโหดมาก แต่พยายามทำทุกอย่างให้เสร็จก่อนไฟนอลจะดีที่สุดค่ะ) ในทุกๆ วิชาจันมีโน้ตย่ออยู่แล้ว จันอ่านแค่โน้ตย่ออย่างเดียว จันอ่าน 5 วิชาเลยค่ะ เพราะจริงๆ จันไม่ถนัด Finance แต่ว่าเพราะสอบแค่ทฤษฎีและมีคนบอกว่าให้ดูแค่ Working Capital กับ Capital Structure จันเลยเตรียมตัวมาวัดดวงแค่นั้นค่ะ ถ้า Finance เป็นบทอื่นที่ไม่ได้เตรียมมาก็กะทิ้งไปสอบ Digital แทนค่ะ ดังนั้น ขอสรุปการเตรียมตัวอย่างนี้ค่ะ
- รวบรวมโน้ตย่อทั้ง 5 วิชาตั้งแต่ก่อนไฟนอลเทอมก่อน จะเป็นกระดาษหรือในคอมก็ได้
- อ่านหนังสือทั้ง 5 วิชา
- คิดไว้ว่าจะตัดวิชาไหนทิ้งซึ่งไม่ใช่แค่ดูว่าถนัดอะไร แต่ดูเวลาด้วยว่าจะทำทันไหม ลักษณะโจทย์จะใช้เวลาเยอะไหม จันสอบ Contemporary, Econ, Finance และ Marketing ค่ะ
- เรียงวิชาเอาไว้ในใจก่อนตั้งแต่ยังไม่สอบ ให้ทำวิชาที่ง่ายและเสียเวลาน้อยที่สุดก่อน ไล่ไปจนถึงวิชาที่คิดว่ายากและใช้เวลาทำนานที่สุด (จันเรียงจาก Finance > Econ > Marketing > Contemp. > Digital ถ้า Finance ทำไม่ได้)
- อ่าน instruction ของการสอบอย่างละเอียด
- วันสอบให้เตรียมบัตรนักศึกษาหรือบัตรประชาชนไว้กับตัวด้วย
- ห้ามทำทั้ง 5 วิชา เพราะถ้าทำ 5 วิชา วิชาที่ได้คะแนนสูงสุดจะโดนตัดออก
ลักษณะข้อสอบ
จันไม่ได้เปิดข้อสอบ Digital ดังนั้นจะมีบอกได้แค่ 4 วิชานะคะ
- Contemp มี 2 ข้อ มีเคสให้ ความยาวเคสประมาณ 4-5 หน้า A4 รวมภาพประกอบ (ข้อสอบไม่ยากมากค่ะ แต่ใช้เวลาอ่านเคสนานอยู่ กว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในนั้น)
- Finance มี 2 ข้อ ข้อแรกถามทฤษฎี ข้อสองให้วิเคราะห์จากเคส เคสยาวประมาณ 4-5 บรรทัด
- Econ ข้อสอบ Choice 20+ ข้อ (จำไม่ได้ว่า 20 เท่าไหร่ แต่ 20 ต้นๆ) ลักษณะการเลือกตอบเหมือนในมิดเทอมกับไฟนอล ที่เลือกตอบเกินแล้วมีติดลบ แบ่งครึ่งนึง Micro ครึ่งนึง Macro
- Marketing ข้อสอบเป็น Choice มีจำนวนข้อเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่เยอะกว่า Econ อยู่ ครึ่งนึงเป็นถูกผิด อีกครึ่งนึงเป็น Choice (ข้อสอบยากค่ะ อาจจะใช้เวลามากกว่าที่คิดไว้ เผื่อเวลาด้วย)
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนและวาดโดยจันเอง ใครจะก๊อปไปไว้ไหน
เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า
– แอดหนูจัน – บล็อกเกอร์ตัวกลม อารมณ์ดีที่ชอบหาอะไรทำสนุกๆ ภายในบ้าน รักการเขียน การอ่าน การวาดรูป และการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือและอุปกรณ์ศิลปะ Craft it Myself • Draw my Life • Create my World