วันนี้ขอไม่แบ่งตอนแล้วกันนะ ดูรูปกันยาวๆ สำหรับตอนสุดท้ายค่ะ
ตื่นมาอากาศดีทีเดียวค่ะ ตอนออกมาฟ้าใสเชียว แต่พอขึ้นเรือเท่านั้นล่ะ ครึ้มเลยอ่ะ ที่อัมสเตอร์ดัมเนี่ย อากาศเปลี่ยนไวมากจริงๆ ค่ะ เรากลับมาที่จุดเดิมแล้วลงเรือชมคลองค่ะ
บรรยากาศล่องเรือเนี่ย มีคลิปมาฝากกันค่ะ จากครึ่งชั่วโมง ย่อเหลือ 6 นาที เร็วนิดนึงเนาะ กลัวเบื่อกัน 55
ช่วงแรกๆ เป็นท่าเรืออัมสเตอร์ดัม ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเนเธอร์แลนด์ค่ะ มีท่าเทียบเรือถึง 40 ท่า เรือสินค้ามากมายจากทั่วโลกมาจอดเทียบที่นี่ ท่าเรือนี้เชื่อมต่อกับคลอง North Sea Canal ค่ะ คลองนี้ก็กว้างที่สุดในโลกเลยนะ กว้างถึง 170 เมตรแน่ะ แต่ยาวแค่ 20 กิโลเมตรเอง สมัยก่อนอัมสเตอร์ดัมขุดคลองใหญ่ 3 คลอง ซึ่งคลองเหล่านี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเก่าด้วย รอบตัวเมืองจะมีประตูน้ำทั้งหมด 16 แห่ง ใช้เพื่อควบคุมปริมาณน้ำและทำให้น้ำสะอาดค่ะ
เรือต่างๆ ที่ลอยอยู่นั้นคือเรือที่เป็นบ้านพักอาศัยด้วยค่ะ เรือเหล่านี้ต้องมีใบอนุญาตที่จดทะเบียนด้วยตามกฎหมาย ราคาเรือจะขึ้นอยู่กับขนาดและความกว้างของเรือ ส่วนบ้านริมคลองของอัมสเตอร์ดัม เนื่องจากสร้างบนดินเหลว จึงมีเสาเข็มมากมายเพื่อให้บ้านแข็งแรง ด้านหลังบ้านส่วนใหญ่จะมีสวน ซึ่งบางสวนยังอนุรักษ์ไว้ตามแบบฉบับศตวรรษที่ 18 อยู่ การปรับปรุงบ้านรัฐก็มีเงินอุดหนุนให้ด้วยค่ะ เพราะการซ่อมแซมใช้เงินมาก เพื่ออนุรักษ์ประวัติศาสตร์และรูปแบบเดิมไว้
วิวอีกนิดหน่อยก่อนขึ้นจากเรือค่ะ หลังจากนั้นมาโรงงานเจียระไนเพชรที่ชื่อ Gassen ค่ะ เนื่องจากช่วงนี้วิ่งเล่นอยู่ เลยไม่มีสาระอะไรมาฝากกันนะ 55
ที่สุดท้ายที่ได้ไปก็คือ หมู่บ้านกังหันลม Zaanse Schans ค่ะ ก่อนหน้านั้นฝนตก คุณไกด์เช็คพยากรณ์อากาศทุกชั่วโมง ระหว่างที่ฝนตกเลยพาไปกินข้าว แล้วค่อยพาไปหมู่บ้านกังหันลม ฟ้าใสมากค่าาาาา ปลื้มมากกก
กังหันลมวิดน้ำนั้น เป็นสัญลักษณ์ของประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้คนในประเทศอาศัยบนที่ดินที่ต่ำกว่าน้ำทะเลได้ ถือเป็นการเอาชนะธรรมชาติที่ยอดเยี่ยมเลยค่ะ ที่นี่อยู่ใกล้กับ Zaandijk เป็นสถานที่ซึ่งยังอนุรักษ์กังหันลมและบ้านเรือนแบบโบราณไว้ บ้าน 35 หลัง จากทั่วทั้ง Zaanstreek ได้ย้ายเข้ามาบริเวณนี้ตั้งแต่ปี 1961 พอปี 1994 ก็เปิดพิพิธภัณฑ์ The Zaans Museum ขึ้นมาด้วยค่ะ
ที่นี่มีผลิตภัณฑ์พวกเนย ชีส ช็อกโกแล็ตขาย รวมถึงของที่ระลึกต่างๆ ด้วยค่ะ
นอกจากนี้ยังมีโรงงานรองเท้าไม้ด้วยนะ ปัจจุบันนี้คนเนเธอร์แลนด์ไม่ได้ใส่รองเท้าไม้แล้วค่ะ แล้วก็ไม่ได้ใส่ในชีวิตประจำวันด้วย คนที่ยังใส่รองเท้าไม้อยู่ ส่วนมากเป็นพวกชนชั้นแรงงานค่ะ ทั้งที่ทำการเกษตร ในโรงงาน หรือในเหมือง รองเท้าไม้นั้นทำจากไม้เนื้อเบา เช่น ไม้ของต้นหลิว ทนทานต่อสิ่งแหลมคม กรดต่างๆ ทำให้เท้าแห้ง ปลอดภัย และอาจพูดได้ว่าเป็นรองเท้าสุขภาพก็ได้ เพราะใส่สบายและไม่กดเท้าด้วยค่ะ
เท่าที่เห็นเขาเอาแท่งไม้มาเข้าเครื่อง แล้วค่อยๆ ไสเอาไม้ส่วนที่ไม่ต้องการออกจนเป็นรูปร่างค่ะ
ก่อนจะจบฝากไว้นิด ที่นี่ลมแรงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ หมวกปลิว ร่มพัง ผมกระจุย รถเข็นเด็กก็ปลิวได้ แนะนำใครที่จะมา อย่าใส่เสื้อผ้าพรอพเยอะๆ มาเด็ดขาดค่ะ หมวก ผ้าพันคอ สาวๆ ใส่กระโปรงจะเดินลำบากมาก แนะนำให้ใส่กางเกง กับเสื้อมีฮู๊ด ส่วนใครผอมๆ ต้องหาคนอ้วนๆ คอยเกาะด้วยนะคะ คือมันแรงมากจริงๆ นะ ขนาดตัวใหญ่อย่างจันยังเดินต้านลมลำบากเลย ฮ่าาาๆ
ก็ขอจบบันทึกการเดินทางการไปเบเนลักซ์และเยอรมันแต่เพียงเท่านี้ค่ะ
ขอบคุณที่อ่านกันจนจบนะคะ
*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนและวาดโดยจันเอง ใครจะก๊อปไปไว้ไหน
เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า

– แอดหนูจัน – บล็อกเกอร์ตัวกลม อารมณ์ดีที่ชอบหาอะไรทำสนุกๆ ภายในบ้าน รักการเขียน การอ่าน การวาดรูป และการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือและอุปกรณ์ศิลปะ Craft it Myself • Draw my Life • Create my World