สวัสดีค่า ทุกคน เป็นยังไงกันบ้างคะ?ช่วงนี้ปิดเทอม Covid-19 เพื่อนๆ ทำอะไรอยู่ที่บ้านกันบ้าง? ครั้งก่อนจันนำเสนอวิธีการวางแผนเรื่องการออมเงินไปแล้ว อีกเรื่องที่อยู่ในแผนการออมเงินก็คือ การจัดบ้าน เรามาจัดบ้านไปพร้อมๆ กันเถอะค่ะ !
ความจริงแล้วการจัดบ้าน เป็นการใช้คำที่ดูเหมือนง่าย แต่ถ้าแบ่งแยกย่อยออกมา มันจะเยอะมากเลยค่ะ แค่ลองนับช่องใส่ของที่มีอยู่ในบ้านดูสิคะ เยอะมากๆ เลยใช่ไหมล่ะ วันนี้จันจะสรุปสิ่งที่จันได้มาจากการอ่านหนังสือจัดระเบียบหลายๆ เล่มรวมมาเป็นขั้นตอนที่เพื่อนๆ ทำตามได้มาฝากกันค่ะ

Table of Contents
เกริ่นนำ : รู้จักสาเหตุของความรก
- ของลอยไปลอยมา ไม่มีบ้านให้น้องอยู่เป็นหลักแหล่ง
- ที่เก็บของที่มีสีสันฉูดฉาดหลากหมายรูปแบบเกินไป ทำให้ดูเลอะเทอะ (เช่น กล่องเก็บเอกสารที่หลายสี หลายรูปทรงเกินไป หรือการเก็บ packaging ต่างๆ มาเก็บของ)
- พื้นที่เก็บของมีมาก แต่สุมตัวกันเป็นจุดๆ จนใช้ไม่สะดวก

Step 1 : ฮาวทูทิ้ง
ไม่ว่าเพื่อนๆ จะอ่านหนังสือสักกี่เล่ม การจัดบ้านต้องเริ่มจากการทิ้งก่อนจริงๆ ค่ะ มีหนังสือเล่มนึงเคยบอกไว้ว่าขอให้ลองทิ้งทุกวันเป็นโซนๆ ไป วันละ 15-30 นาที เช่น วันนี้จะทิ้งของในลิ้นชักชั้นบน ทำไปเรื่อยๆ จนครบทุกที่แบบนี้ค่ะ ในหนังสือแนะนำว่าควรทำทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เพราะถ้าตัวเราเริ่มปรับเป็นโหมดผ่อนคลายก็จะไม่อยากทำอะไรแล้ว แต่ในช่วงปิดเทอมนี้ เพื่อนๆ อาจจะลองทำทันทีเมื่อตื่นนอนก็ได้ค่ะ หรือถ้าอย่างมาริเอะ คนโดะ จะใช้วิธีทิ้งทีละประเภท คือเอาของจำพวกเดียวกันมากองรวมกันให้หมดแล้วเลือกทีละชิ้นๆ
เกณฑ์การทิ้ง
คำว่าการทิ้งในที่นี้ไม่จำเป็นต้องลงขยะอย่างเดียว จะบริจาคก็ได้ ให้คนอื่นก็ได้ หรือ นำไปขายต่อก็ได้ แต่ควรมีกำหนดเวลาว่าจะออกไปได้เมื่อไหร่ จะปล่อยให้อยู่อย่างนั้นไปเรื่อยๆ อันนี้ไม่เรียกว่าทิ้งเด้อ
สูตรที่ 1 : เลือกไว้ 1 ชิ้นจาก 3 ชิ้น สองชิ้นที่เหลือทิ้งให้หมด
หนังสือของ Mentalist Daigo บอกว่า ในทางจิตวิทยา ถ้าเรามี Choice 3 อย่าง เราจะเลือกสิ่งที่เราต้องการเก็บไว้ได้ แต่ถ้าเรามีมากกว่านั้นจะเลือกไม่ได้ ไม่อยากเลือก ก็จะทิ้งไม่ได้สักที ดังนั้นให้เรากองของประเภทเดียวกันสามชิ้นไว้ตรงหน้า จากนั้นค่อยๆ เลือกที่เราชอบที่สุดขึ้นมาจนเหลือที่เราทิ้งไม่ลงแล้วจริงๆ

สูตรที่ 2 : หยิบขึ้นมาทีละชิ้น แล้วถามว่าเรารู้สึกใจเต้นจี๊ดๆ รึเปล่า
สูตรของ Marie Kondo คือ เอาของประเภทเดียวกันจากทุกที่ในบ้านมาสุมรวมกันไว้ แล้วหยิบขึ้นมาทีละชิ้นๆ ชิ้นไหนที่ทำเราใจเต้นตึกตัก ก็ให้เก็บไว้ ชิ้นไหนที่เฉยๆ ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกอะไร ให้ทิ้งด้วยความรู้สึกขอบคุณ (ขอเสริมนิดนึง วิธีนี้จะได้ผลดีมากขึ้น เมื่อสุมในที่โปรดของเพื่อนๆ เช่นบนเตียง เพราะทำไม่เสร็จก็ไม่ได้นอนนั่นเอง 555)
สูตรที่ 3 : ลดของใช้ให้เหลือชิ้นเดียว
ในหนังสือของ Kyoko Ikeda บอกไว้ว่า พวกของใช้กระจุกกระจิกในบ้าน อย่าง กรรไกร แม๊กซ์ กรรไกรตัดเล็บ พวกนี้ ให้มีแค่ชิ้นเดียวในบ้านพอ เพราะ ถ้ามีเยอะ เราก็จะไม่เอาของไปเก็บให้เข้าที กลายเป็นว่าหาไม่เจอแล้วจะซื้อใหม่อยู่เรื่อยๆ ส่วนตัวจันยังไม่ได้ทิ้ง แต่รวมด้วยกันไว้ในที่เดียวเหมือนกันค่ะ แล้วพบว่ามีกรรไกรอยู่ประมาณ 5 เล่ม ใช้คนเดียว 5555
สูตรที่ 4 : ทิ้งไม่ลงให้ถามคำถามแบบนี้
1. ใช้ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ / ตอนนี้ยังใช้ได้อยู่ไหม
2. ถ้าย้อนกลับไปได้จะซื้ออีกไหม
3. ถ้าต้องไปที่ไกลๆ จะเอาไปด้วยไหม
4. ถ้าเอาไปขายต่อจะได้เงินเท่าไหร่
5. มีใครที่เห็นแล้วคิดถึงไหม ถ้าคิดว่าให้คนนี้ต้องชอบแน่ๆ ก็ให้ไปเลย
6. พื้นที่เก็บสิ่งๆ นี้คิดเป็นกี่ตร.ม. แล้วตอนนี้ราคาที่ดินเราอยู่ที่ตร.ม. ละเท่าไหร่ (ได้ผลดีกับของชิ้นใหญ่ เช่น ลู่วิ่งราวตากเสื้อ)
ทิ้งแค่ไหนถึงจะดี?
หนังสือเล่มหนึ่งแนะนำว่า ให้เราลดปริมาณสิ่งของจนเหลือพื้นที่ประมาณ 60% ขณะที่ทิ้งก็ให้เอาของที่เหลือไปวางที่เดิม โดยยังไม่ต้องคำนึงถึงความสวยงามและไม่ซ้อนกัน ของทุกชิ้นต้องได้ยืนหนึ่ง ไม่เอียงนอน ซ้อนกัน ถ้าได้พื้นที่ว่างที่เราต้องการแล้วก็โอเค
Step 2 : สังเกตพฤติกรรม
ขั้นต่อมาที่อยากให้ทำคือการสังเกตพฤติกรรมเวลาใช้ห้องค่ะ หนังสือหลายเล่มบอกว่าที่ห้องเรารก ไม่ใช่เพราะว่าเพราะห้องเราแคบ แต่เพราะว่าที่เก็บของไม่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหวของเรา เช่น ทันทีที่ถึงห้องเราทำอะไรก่อนคะ วางกุญแจห้องหรือคีย์การ์ดใช่ไหมคะ ดังนั้นหน้าประตูทางเข้า ควรมีที่วางกุญแจหรือคีย์การ์ด ต่อจากนั้นเราหาที่วางกระเป๋าของเรา อาจจะอยู่ในห้องนอนเพื่อความปลอดภัย เราก็ควรจะมีที่วางกระเป๋าในบริเวณที่เราวางง่ายๆ ข้างกันอาจจะมีถังขยะ ให้เราเริ่มกำจัดจดหมายที่หยิบมาจากตู้ไปรษณีย์ เหลือไว้แต่เอกสารที่สำคัญ เป็นต้น จะเห็นว่าถ้าเราวางของที่จำเป็นไว้สัมพันธ์กับความเคลื่อนไหว มันจะเอื้อให้เราทำสิ่งต่างๆ ที่ควรทำง่ายขึ้น แล้วห้องก็จะถูก Reset ให้เข้าที่ทุกๆ วันนั่นเองค่ะ

Step 3 : เก็บอย่างไร
หลังจากที่สังเกตพฤติกรรมแล้ว ก็ให้เลือกพื้นที่ที่จะเก็บของให้เหมาะกับการเคลื่อนไหว ง่ายๆ ก็คือ ทำอะไรตรงไหนก็ให้มีของที่จำเป็นรวมกันไว้ นอกจากนี้ควรรวมหมู่ของประเภทเดียวกันไว้ที่เดียวกันด้วยค่ะ เวลาเราจะหาอะไรจะได้รู้คร่าวๆ ว่า หมวดนี้ไปหาตรงไหนเจอแน่ เราก็จะลดเวลาหาของลงไปได้อีกเยอะเลย
สถานที่เก็บของควรเอาความหยิบง่ายใช้สะดวกเป็นเกณฑ์อีกอย่างหนึ่ง โดยให้เราเอาสายตากับระยะมือหยิบมาเป็นเครื่องมีกำหนดค่ะ
- พื้นที่ระดับสายตา คือพื้นที่สำหรับของที่ใช้บ่อยๆ
- พื้นที่ที่ยังเอื้อมถึง คือของที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่อยากใช้ให้บ่อยขึ้น
- พื้นที่บริเวณที่หยิบยาก เช่นต้องปีนบันได มุดพื้น ต้องใช้ความพยายามมากๆ จันจะเอาไว้พวกของตุนค่ะ เช่น ยาสระผมที่ซื้อมาตุนตอนลดราคา ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ต่างๆ ก็จะเก็บไว้ตรงนั้น เป็นพื้นที่ที่เราจำได้คร่าวๆ ว่ามีอะไรอยู่ แล้วไปหาเมื่อของหมดค่ะ เพราะของก็ไม่ได้หมดบ่อยๆ อยู่แล้ว แค่รวมกันไว้ให้มองแล้วเห็นชัดๆ เวลาต้องการก็พอ
เรื่องพื้นที่เก็บของเนี่ย ก็เหมือนเป็นจิตใต้สำนึกของทุกคนว่า เวลาบ้านรกต้องซื้อตู้ แล้วบ้านจะหายรก หรือก็คือต้องหาบ้านให้น้องๆ นั่นแหละค่ะ จันไปอ่านหนังสือเล่มนึงมา ของลู่เหวยซึ่งเป็น interior design เขาบอกว่า สำหรับบ้านแล้วต้องมีพื้นที่เก็บของมากกว่า 12% ของพื้นที่ทั้งหมด และยิ่งบ้านเล็กยิ่งต้องมีพื้นที่เก็บของให้มาก โดยพื้นที่เก็บของแนวสูง (พวกที่ทำตู้บิลท์อินทั้งผนังจากพื้นถึงเพดาน) เป็นการใช้พื้นที่คุ้มค่าที่สุด และพื้นที่เก็บของต้องกระจ่ายอยู่ทุกๆ ที่ เพื่อให้อยู่ใกล้มือที่สุดด้วย
แต่เอาจริงๆ ก็มีน้อยคนนัก ที่จะได้อ่านหนังสือแบบนี้ก่อนซื้อหรือสร้างบ้านเนอะ
สิ่งที่เราทำได้อีกอย่างคือการทิ้งเมื่อซื้อของชิ้นใหม่เข้ามา ไดโกะบอกให้ทิ้ง 2 ซื้อ 1 ค่ะ แล้วเขาแนะนำให้ซื้อของใหม่ที่ Multi-function มากขึ้น เพื่อให้ลดปริมาณสิ่งของลง ขณะที่ยังทำอะไรได้เท่าเดิมหรือมากขึ้นค่ะ

Step 4 : “กดปุ่มรีเซตกลับเป็นศูนย์” ทุกๆ วัน
เมื่อจัดเสร็จแล้ว สุดท้าย สิ่งที่จะทำให้บ้านเรียบร้อยตลอดไป ก็คือใช้เวลาสองสามนาทีในการกดปุ่มรีเซตกลับเป็นศูนย์ทุกๆ วัน หรือก็คือการทำให้ทุกอย่างอยู่ในที่ของมันทุกๆ วันนั่นเองค่ะ แค่นี้การจัดห้องก็จะ Complete~
สำหรับใครที่รู้สึกว่าอ่านแล้วยังมีแรงบันดาลใจไม่พอ เดี๋ยวครั้งหน้าจันจะมาแนะนำหนังสือและรายการทีวีที่ทำให้ได้แรงบันดาลใจในการจัดบ้านและได้ความรู้ไปพร้อมกันค่ะ
*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนและวาดโดยจันเอง
ใครจะก๊อปไปไว้ไหน เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ

– แอดหนูจัน – บล็อกเกอร์ตัวกลม อารมณ์ดีที่ชอบหาอะไรทำสนุกๆ ภายในบ้าน รักการเขียน การอ่าน การวาดรูป และการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือและอุปกรณ์ศิลปะ Craft it Myself • Draw my Life • Create my World