ก่อนออกจากโรงแรม ถ่ายรูปกับประตูโดราเอมอนเล็กน้อย ยังงงๆ ว่าทำไมมีที่นี่ ?!
วันที่ 2 ของการท่องเที่ยววันนี้ไปดูภูเขาไฟอาโซะ (Aso) ค่ะ ที่มีข่าวนั่นล่ะค่ะ ฮ่าๆ
ระหว่างที่ไปยังปะทุอยู่ เลยไมได้ไปจุดชมวิวคุซาเซนริ (Kusasenri) ได้ไปแค่พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอาโซะค่ะ ที่นี่ไม่ให้ถ่ายรูป ใครอยากดูภายในว่ามีอะไรประมาณไหนดูได้ที่นี่นะคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.asomuse.jp/ (jp), http://kumanago.jp/en/spots/detail/430000000956.html (en)
พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอาโซะมีทั้งหมด 3 ชั้นค่ะ
ชั้น 1 เป็นชั้นทางเข้า มี Information ที่ขายตั๋วและให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว พร้อมร้านขายของของพิพิธภัณฑ์ค่ะ อย่างที่บอกว่าคุมะมงไม้จิ้มฟันยันเรือรบ เหล้าสาเกถามนักดื่มที่มาทัวร์เดียวกันบอกว่าราคาค่อนข้างถูกค่ะ
ชั้น 2 จะเป็นโซนพิพิธภัณฑ์ค่ะ (ทางพิพิธภัณฑ์ห้ามถ่ายรูปค่ะ) จะมีโมเดลจำลองการเกิดภูเขาไฟอาโซะแบบเคลื่อนไหวได้ และมีโชว์หินภูเขาไฟต่างๆ แบบจำลองหลายๆ อันเขาทำเป็นแบบเคลื่อนไหวให้เข้าใจง่าย นอกจากนี้ยังมีห้องฉายวิดีโอปากปล่องภูเขาไฟแบบ Realtime ด้วยค่ะ
ชั้น 3 เป็นห้องฉายหนังซึ่งสลับสับเปลี่ยนกันไปค่ะ และมีระเบียงไปชมจุดชมวิวได้ค่ะ ภาพจากระเบียงมองเห็นภูเขาและท้องทุ่งค่ะ
วันนี้ลมแรงมากกก… ค่าา หนักๆ อย่างเราแทบปลิวไปตามลม เสื้อผ้าหน้าผมไปหมดแล้ว และ ฝนตกอีกต่างหาก !
เมื่อออกมาจากพิพิธภัณฑ์ รถบัสมุ่งหน้าสู่ช่องแคบทาคาจิโฮะ (Takachiho) อยู่จังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) ตอนเหนือค่ะ แต่ก่อนจะไปชมช่องแคบทาคาจิโฮะ เราแวะพักทานอาหารที่ร้านอาหารแบบญี่ปุ่นในบริเวณที่จอดรถบัสของช่องแคบทาคาจิโฮะกันก่อนค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://takachiho-kanko.info/en/sightseeing/ (en)
ร้านอาหารร้านนี้ต้องเดินขึ้นเนินไปนิดนึง จากจุดจอดรถบัสที่จะเข้าชมช่องแคบทาคาจิโฮะค่ะ
เป็นร้านอาหารแบบญี่ปุ่น นั่งพื้นแบบญี่ปุ่น และอาหารก็เป็นอาหารแบบชุดไคเซกิเหมือนเดิมค่ะ (บริเวณนี้ใบไม้สีแดงมากๆ เลยล่ะ)
อาหารวันนี้เป็นมีปลาย่างเกลือ กับไก่วางบนเตาร้อนๆ คล้ายๆ กับจานเนื้อหมูที่ได้กินในวันแรกค่ะ เป็นอาหารที่ไม่รู้จะเรียกว่าการปรุงแบบไหนดีอ่ะนะคะ พร้อมเครื่องเคียงอีกหลายอย่างค่ะ อิ่มอร่อยและขาชากันเป็นแถบๆ
ร้านนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นร้านอาหารแบบเดียวกันนะ เขาตากข้าวโพดด้วยแฮะ ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเพราะอะไร แปลกดีเนอะ เมื่ออิ่มหนำเดินลงมาจากเนินชัน ฝนตกค่ะ ซึ่งตกตลอดทางสี่กิโลเมตรที่จะเดินไปชมช่องแคบเลยล่ะ (นี่ต้นเมเปิล อยู่ตรงทางลงร้านอาหารสู่ลานจอดรถบัสค่ะ)
ชุ่มฉ่ำน่าดูเลยเนอะ ส่วนจันก็เปียกสิคะ ฮ่าๆๆ ร่มไม่ช่วยกันบ่ากันไหลแต่อย่างใด (ใบเมเปิลป่วยล่ะ ถึงเป็นสีแดง)
มาพูดถึงช่องแคบทาคาจิโฮะกันบ้าง ช่องแคบนี้เกิดจากลาวากัดกร่อนทำให้เกิดช่องแคบรูปตัว V ที่มีทางน้ำใสไหลอยู่ข้างล่างค่ะ จริงๆ จากที่เสิร์ชดูเพิ่มเติมคือที่นี่มีตำนานเล่ากันมาว่า เทพธิดาพระอาทิตย์ “อามาเทะราสุ” ซึ่งเคารพกันในศาสนาพุทธ นิกายชินโตของญี่ปุ่น เทพธิดาองค์นี้ถูกน้องชายแกล้งแผลงๆ โดยให้เธอซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ แล้วให้พระเจ้าและเทพธิดาองค์อื่นๆ พยายามล่อเธอออกมาให้ได้ นอกจากนี้ยังมีตำนานว่าที่นี่เป็นที่ที่พระเจ้านินิงิ โนะ มิโกโตะ (Ninigi no Mikoto) หลานชายของอามาเทะราสุลงมาเหยียบพื้นดิน ขณะที่เทพธิดาอามาเทะราสุถูกส่งลงมาจากสวรรค์เพื่อสถาปนาเชื้อสายจักรพรรดิ์ของญี่ปุ่น นอกจากนี้ช่องแคบทาคาจิโฮะถือเป็นแหล่งพลังเกี่ยวกับวิญญาณที่สำคัญทางศาสนาและมีธรรมชาติที่งดงามด้วยค่ะ ถือเป็นจุดที่ดีที่สุดหนึ่งในสองของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในวันสงบค่ะ (แปลจากภาษาอังกฤษ หากผิดขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ)
การไปดูช่องแคบทาคาจิโฮะนั้นจะต้องเดินไประยะทางประมาณ 4 กิโลเมตรค่ะ วันนี้มีหมอกลงพอสมควรและฝนกำลังตกค่ะ แต่จะบอกว่าที่นี่สวยมากกกกกกกกกค่ะ ที่ประทับใจไม่ใช่ช่องแคบทาคาจิโฮะเท่านั้นค่ะ แต่ระหว่างทางที่เดินไปสวยและเป็นธรรมชาติมากค่ะ ทางเดินต่างๆ เขาไม่ได้ราดยางหรืออะไรเน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เป็นหลัก ซึ่งในป่าและแม่น้ำนั้นสวยงามและเพลิดเพลินเจริญใจมากจริงๆ ค่ะ
ฝนตกพรำๆ ใบไม้มีละอองน้ำชุ่มฉ่ำกันเลยทีเดียวล่ะ ทางเดินจะเป็นทางเดินแคบๆ ไม่กว้างนัก สำหรับเดินแบบวันเวย์ค่ะ
ภาพระหว่างทาง ขออนุญาตลงรูปเยอะๆ เลยนะคะ อยากให้ดื่มด่ำไปด้วยกัน
น้ำตกที่เห็นชื่อน้ำตกมานาอิ Manai ค่ะ ความสูง 17 เมตรค่ะ
เมื่อเดินมาถึงตรงนี้ก็จะเป็นทางเดินสู่ลานจอดรถบัสบริการเพื่อลงไปยังลานจอดรถบัสที่เราเดินออกมาค่ะ รถเป็นรถมินิบัส ถ้าจำไม่ผิดนั่งได้คันละ 18 คนค่ะ มีบริการตลอดแต่ต้องไปจองคิว รอคิวกันไปค่ะ ช่วงที่จะลงนี่คนรอเยอะมาก แล้วฝนตกหนักมากด้วยค่ะ ลมแรงและเปียกซึ่งก็เปียกอยู่แล้ว หนาวเลยล่ะค่ะ
โดยรวมของที่นี่จันประทับใจมากค่ะ ถึงจะเจอฝนก็เถอะ ใบไม้สีแดง เหลือง เขียว และวิวธรรมชาติสวยงามตลอดทาง ระยะทางแม้จะฟังดูค่อนข้างไกล แต่เดินไปได้เรื่อยๆ ไม่เหนื่อยเลยค่ะ ดูวิวเพลินๆ อากาศก็เย็นๆ ดี (และเปียก) ป่าไม่รกทึบ ไม่ชื้นจนหายใจไม่ออกค่ะ แนะนำอย่างยิ่งเลยค่ะ ใครชอบเดินป่า ชมธรรมชาติอยากให้ลองมากันค่ะ!!!
สำหรับครั้งหน้าจะพาไปต่อที่ปราสาทคุมาโมโตะค่ะ
*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนและวาดโดยจันเองใครจะก๊อปไปไว้ไหน
เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า

– แอดหนูจัน – บล็อกเกอร์ตัวกลม อารมณ์ดีที่ชอบหาอะไรทำสนุกๆ ภายในบ้าน รักการเขียน การอ่าน การวาดรูป และการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือและอุปกรณ์ศิลปะ Craft it Myself • Draw my Life • Create my World