ไม่ได้มาอัพซะนาน ดองอยู่สักพักใหญ่เพราะงานยุ่งๆ และไปต่างประเทศเพิ่งกลับมาค่ะ สาเหตุอีกอย่างก็คือช่วงนี้มีงานอดิเรกใหม่ล่ะ! ก็คือ “การอ่านหนังสือ” ค่ะ เป็นงานอดิเรกที่ไม่แปลก แต่ดูเป็นเรื่องหายากขึ้นในยุคนี้เนอะ วันนี้จันเอาเรื่องการกลับมาอ่
“การอ่านหนังสือ” ณ ที่นี้ไม่ได้หมายถึงการอ่านหนั
Table of Contents
เพื่อนๆ อ่านหนังสือกันอยู่ไหมคะ?
ตั้งแต่เด็กๆ จันอ่านหนังสือมาตลอดค่ะ อ่านนิยาย วรรณกรรมเด็ก ไม่ใช่หนอนหนังสือแต่ก็อ่
- “เล่มแรก” ต้องเห็นภาพ
เมื่อไหร่อ่านแล้วไม่เห็นภาพ เราจะอ่านจุดนั้นวนๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่ไปไหน พออ่านได้ไม่ไปไหนก็จะเบื่อจนเลิกอ่านไป เพราะอย่างนั้นลองเลือกหนังสื อที่เอื้อให้เราเห็นภาพดูค่ะ จะเป็นหนังสือที่เคยดูหนังหรื อละครมาแล้ว หรือหนังสือจากประเทศที่เราคุ้นเคยกับวั ฒนธรรมก็ได้นะ พออ่านแล้วเห็นภาพตัวละคร สภาพแวดล้อม การกระทำต่างๆ อยู่ในหัว เราก็จะอ่านไปได้เรื่อยๆ ไม่ติดขัดค่ะ - ถ้าสมาธิยังไม่แกร่งพอ เลือกหนังสือที่ย่อหน้าสั้นๆ!
หนังสือเล่มแรกที่ตัดสินใจจะอ่าน จะเลือกแบบเจออะไรอยากอ่านก็หยิ บขึ้นมาอ่านก็ได้ แต่ถ้ายังวอกแวกเหมือนคนสมาธิ สั้น ยังไม่แกร่งพอ ลองเริ่มจากหนังสือที่มีย่อหน้ าสั้นๆ ดูสิคะ! เวลาอ่านหนังสือที่ย่อหน้าไม่ ยาวนัก จะอ่านได้เร็วและปะติดปะต่อเรื่ องราวได้ง่ายกว่า ถ้าย่อหน้าเกินเจ็ดแปดบรรทัดเนี่ ย จะรู้สึกว่า อ่านนานแล้วนะ จะจบรึยังเนี่ย สมาธิเราที่ยังไม่แกร่งพอ จะแกว่งไปก่อนค่ะ - อ่านแล้วต้องอ่านวนไปวนมา ให้เลิกอ่าน เปลี่ยนไปอ่านเล่มอื่นทันที
บางทีปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่เราหรอกนะ แต่เป็นหนังสือที่เราอ่านต่ างหาก ภาษาที่ใช้ การวางโครงเรื่อง มันมีหลายๆ ส่วนที่ทำให้เราอาจไม่เข้าใจ ลองเปลี่ยนไปอ่านเล่มอื่นดูบ้ างจะดีกว่า - อย่าฟังเพลงไทยเวลาอ่านหนังสือ
ไม่ได้จะแอนตี้คนชอบเพลงไทยนะคะ แต่เนื้อเรื่องที่อ่านอยู่กับเพลงที่ฟังอยู่จะตีกัน สังเกตหลายครั้งแล้ว เวลาที่เพลงไทยที่ลอยผ่านหูมา จะจินตนาการภาพในเนื้อเพลงแทนที่จะเป็นภาพในหนังสือทุกที จู่ๆ เรื่องฆาตกรรมกลายเป็นรักสามเส้ าไปเสียดื้อๆ ลองหาเพลงที่ไม่มีเนื้อร้องหรื อเพลงภาษาต่างประเทศมาฟังแก้ เหงาระหว่างอ่านหนังสือจะได้ ผลดีกว่าค่ะ (ลองเอา Original Soundtrack ของหนังเรื่องที่โทนเดียวกันมาฟังก็ดีมากๆ นะ ต้องลอง!) - เลือกเวลาที่ Notification ไม่เด้งบ่อยๆ เวลาอ่าน
ปกติจันปิด Notification ทั้งหมดเลยค่ะ ยกเว้นอย่างเดียวคืออีเมลบริษัทที่จะตั้งเสียงเอาไว้ เพราะจันว่ามันกวนสมาธิกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนที่ติด Social เอามากๆ ถ้าไม่อยากปิด Notification ก็ลองเลือกเวลาที่ไม่ค่อยมีความเคลื่อนไหว วันละ 10-20 นาทีก็พอค่ะ อ่านแบบไม่มีอะไรมารบกวนดู ถ้าได้ลองอ่านแบบไม่ติดขัด ไม่มีอะไรมารบกวน แล้วชอบ ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะ - พกหนังสือไว้ในกระเป๋าตลอดเวลา
ช่วงเวลาที่จันอ่านหนังสืออย่างจริงจังคือเวลาขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ ทันทีที่แปะบัตรพ้นประตูไปแล้ว จะหยิบมือถือ ใส่หูฟัง เปิดเพลง แล้วอ่านหนังสือทันทีค่ะ ถ้าเปิด Facebook แล้วเริ่มไถ ก็จะไม่ได้อ่านหนังสือค่ะ ช่วงเวลาเหมาะจะอ่านหนังสือมากเพราะทุกคนก้มหน้าก้มตา ไม่มีใครสนใจใครอยู่แล้ว เราทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ด้ วยสถานการณ์บังคับ เราเลยจดจ่อกับการอ่านได้มาก จันใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ระหว่างอยู่รถไฟฟ้าใต้ดินจะอ่ านได้ราวๆ 30-50 หน้า Pocket Book ค่ะ นอกจากนี้ยังถือเป็นการใช้ เวลาให้เป็นประโยชน์โดยไม่ต้ องลดกิจกรรมเดิมๆ ลงด้วยนะ! - อ่านหนังสือพวก How-to สลับกับนิยาย
จริงๆ นะ ถ้าลองได้อ่านหนังสือ How-to ประเภทวิธีการจัดระเบียบชีวิต วิธีการประหยัด ที่เขาชอบแปลมาขาย เพื่อนๆ จะรู้ว่าหนังสือ How-to อ่านง่ายและจบไวมาก โดยเฉพาะเล่มบางๆ ที่มีรูปประกอบด้วย จะยิ่งอ่านไว หนังสือประเภทนี้มีประโยชน์ดีค่ะ สถานการณ์ใกล้ตัวเราทำให้ไม่ต้องจินตนาการเยอะ ตอบคำถามตรงจุดและมีเคล็ดลับอะไรที่เรานึกไม่ ถึง แต่ถ้าอ่านดีๆ จะพบว่าจริงๆ แล้วหลักการในหนังสือประเภทนี้ มีไม่กี่อย่าง ถ้าจับตรงนั้นได้ เราจะอ่านแป๊บเดียวจบและจำได้ไม่ลืมเลยล่ะ จันมักจะอ่านหนังสือ How-to สลับกับนิยายค่ะ เพราะเหมือนเป็นช่วงเบรค ที่ทำให้เราพักสมอง (แต่อ่านจบเป็นเล่มๆ ไปนะ) และได้ประโยชน์แบบเป็นชิ้นเป็นอัน ใช้ได้ทันที เห็นผล - อ่านหนังสือตามที่ตัวละครอ่าน
จันไม่รู้หรอกนะคะว่าลักษณะหนัง ละครไทย หรือนวนิยายไทยเป็นยังไง แต่จันลองใช้วิธีนี้หาหนังสืออ่าน ก็เป็นวิธีที่สนุกมากอีกแบบค่ะ ในหนังสือหรือหนังละครที่จันดู มักจะมีกล่าวถึงหนังสือบ่อยๆ บอกว่าตัวละครชอบหนังสือเล่มนี้มากบ้าง กล่างถึงแบบเปรียบเทียบบ้าง หรือสืบคดีที่เกี่ยวกับหนังสือบ้าง ความรู้สึกแบบ “อยากเข้าใจตัวละครขึ้นมาอีกนิด” จะทำให้เราอยากอ่านสิ่งที่เขาอ่านหรือพูดถึงตามไปด้วยค่ะ
เช่นเรื่อง บิเบลีย – บันทึกไขปริศนาแห่งร้านหนังสือ โดย En Mikami สำนักพิมพ์ animag books เรื่องนี้เป็นเรื่องของเจ้าของร้านหนังสือมือสองที่ได้รับการไหว้วานจากลูกค้าให้ค้นหาเรื่องราวต่างๆ จากหนังสือเก่า ว่าเรื่องราวของเจ้าของหนังสือนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร ในเรื่องนี้จะกล่าวถึงหนังสือหลายเล่มมาก มักเป็นวรรณกรรมเรื่องเยี่ยมของญี่ปุ่นและวรรณกรรมดังๆ ของต่างประเทศ เวลาตัวละครเล่าเรื่องย่อของหนังสือให้ฟัง เหมือนมารีวิวให้ย่อๆ จะทำให้เราอยากอ่านหนังสือเล่มนั้นต่อ ในละครญี่ปุ่นหลายเรื่องก็มีกล่าวถึงหนังสือมากอย่างน่าแปลกใจ นี่แหละมั้งที่ทำให้คนของเขายังอ่านหนังสือกันเยอะอยู่ - อ่านแล้วเขียน เขียนแล้วอ่าน
อ.มกุฏ อรฤดีเคยกล่าวไว้ว่า ถ้าเด็กๆ จดบันทึก พวกเขาจะอ่านมากขึ้นเพื่อหาเรื่องมาเขียนบันทึก แต่ตอนนี้จันยังเขียนบันทึกเป็นนิสัยไม่ได้ แต่พออ่านหนังสือจบสักเล่ม จันมักจะพยายามเขียนบันทึกด้วยค่ะ จุดที่ชอบ ข้อคิดดีๆ หรือเรื่องย่อ จะเขียนเอาไว้ในเฟสบุคส่วนตัวค่ะ การอ่านกับการเขียน เป็นทักษะรับความรู้และการแสดงออกเงียบๆ ที่มักมาคู่กัน ถ้าทำได้สม่ำเสมอทั้งสองอย่างก็คงดีนะ ดังนั้นพอได้อ่านแล้ว จึงทำให้มีโอกาสจะได้เขียนมากขึ้นค่ะ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มอ่านหนังสือจบสักเล่ม
เล่มที่สองเราจะอ่านหนังสือดีๆ ได้อย่างไม่มีข้อจำกัดค่ะ
หนังสือเล่มแรกที่อยากแนะนำ
ใครไม่รู้จะเลือกเล่มแรกเรื่องอะไรดี ลองเก็บลิสต์นี้ไว้พิจารณานะคะ จันอ่านแล้วสนุกค่ะ
- Light Novel ญี่ปุ่น – Biblia Koshodou no Jiken Techou ภาษาไทย บิเบลีย – บันทึกไขปริศนาแห่งร้านหนังสือ โดย En Mikami สำนักพิมพ์ animag books
- Light Novel ญี่ปุ่น – Hidamari no Kanojo ภาษาไทย หญิงสาวในแสงตะวัน โดย Osamu Koshigaya สำนักพิมพ์ Sunday* Afternoon (ถ้าดูหนังมาก่อนจะเห็นภาพตามชัดมากค่ะ)
- Light Novel ญี่ปุ่น – Bannō Kanteishi Kyū No Jikenbo ภาษาไทย แฟ้มคดีพิศวงของนักประเมินอัจฉริยะ Q โดย Matsuoka Keisuke สำนักพิมพ์ Enter Books (เล่ม 6 เป็นต้นมาสนุกเป็นพิเศษค่ะ เล่ม 1-5 จบไม่ค่อยตื่นเต้นค่ะ)
- Light Novel ญี่ปุ่น – Okitegami Kyoko no Biboroku ภาษาไทย บันทึกกันลืมของยอดนักสืบเคียวโกะ โดย NISIOISIN สำนักพิมพ์ DexPress
- นวนิยายแคนาดา – Anne of Green Gables ภาษาไทย โลกของแอนน์ โดย L. M. Montgomery ฟรีฟอร์มสำนักพิมพ์
- นวนิยายญี่ปุ่น – Shokuzai ภาษาไทย ชดใช้ โดย Minato Kanae แพรวสำนักพิมพ์
- นวนิยายอังกฤษ – Mary Poppins Comes Back ภาษาไทย แมรี่ ป๊อปปิ้นส์ กลับมาแล้ว โดย P.L. TRAVERS สำนักพิมพ์ผีเสื้อ (เรื่องนี้ยังไม่ได้อ่านเล่มแรก แต่เล่มนี้ตลกมากค่ะ)
- How to – รวยได้ใน 100 วัน ด้วยพลังแห่งการจัดระเบียบ โดย Yoon Sun-hyun สำนักพิมพ์ Amarin (จั่วหัวว่ารวย แต่ไม่ได้เกี่ยวกับการเงินเลยแม้แต่น้อยค่ะ แต่สอนให้เรารู้จักจัดระเบียบชีวิตในทุกๆ ด้าน แล้วใช้ทุกสิ่งทุกอย่างอย่างคุ้มค่า แล้วรายจ่ายเรื่องที่ไม่จำเป็นจะลดลงค่ะ)
- How to – เวทมนตร์ในการจัดระเบียบข้าวของ โดย Yasushi Komatsu สำนักพิมพ์ฟรีมายด์
ทำไมต้องอ่านหนังสือ
อาจมีคนสงสัยว่าการอ่านหนังสือกับการอ่านอะไรเจ๋งๆ บนโซเชียลนั้น แตกต่างกันไหม เพราะในโซเชียลก็มีสาระ ความรู้ เรื่องราวให้อ่านเต็มไปหมด ถ้าถามจัน ข้อมูลหรือความรู้ที่เราอ่านไม่ใช่สิ่งที่อยากได้มากที่สุดค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้ไม่ว่ายังไงก็ควรอ่านหนังสือก็คือ “สมาธิ” ค่ะ ตั้งแต่จันกลับมาอ่านหนังสือ การจดจ่ออยู่กับงานหรือสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำ ดีขึ้นเยอะค่ะ จันรู้สึกว่ามีสมาธิดีและยาวนานขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ในอินเตอร์เน็ทสิ่งล่อใจเยอะค่ะ แล้วเรามักจะตอบสนองทุกอย่างทันที พอเป็นแบบนั้นแล้ว จันว่าเราติดเอามาใช้ในการทำงานหลายๆ อย่างด้วย อย่างในออฟฟิศ สมัยก่อนเวลาได้ยินคนอื่นคุยอะไรกัน ก็จะวอกแวกทันที แต่ตอนนี้รู้สึกต่อมอยากรู้อยากเห็นจะทำงานน้อยลงมาก เราใจเย็นลง รอได้ และหยุดตัวเองให้ “ไม่ทำและไม่รับรู้” ได้ เวลาที่ได้มาก็ทำสิ่งที่ต้องการจะทำจริงๆ ได้มากขึ้น และจัดระเบียบตัวเองได้ดีขึ้นด้วย เพราะสิ่งที่เราวางแผนไว้เป็นไปตามที่ใจหวัง
เพราะอย่างนั้นสิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือไม่ใช่แค่ความรู้
แต่เป็นการล้างพฤติกรรมไม่ดีบางอย่างออกไปด้วยค่ะ
ถ้าอ่านบล็อคยาวขนาดนี้จนจบได้ จันว่าเพื่อนๆ ก็พร้อมแล้วล่ะค่ะ ที่จะอ่านหนังสือ
ลองไปเปิดกรุหนังสือดอง แล้วเริ่มอ่านไปด้วยกันตั้งแต่วันนี้เลยนะคะ!
*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนโดยจันเอง
ใครจะก๊อปไปไว้ไหน เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า
– แอดหนูจัน – บล็อกเกอร์ตัวกลม อารมณ์ดีที่ชอบหาอะไรทำสนุกๆ ภายในบ้าน รักการเขียน การอ่าน การวาดรูป และการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือและอุปกรณ์ศิลปะ Craft it Myself • Draw my Life • Create my World