หลังจากชมปราสาทไฮเดลเบิร์กแล้ว เรากลับมาเดินทอดน่องชมเมืองกันค่ะ
เจอ Window Display น่ารักๆ เยอะอยู่เหมือนกันค่ะ
ชอบรูปที่ถ่ายจากร้านนี้มากเลย ดูต้องมนต์แบบแปลกๆ เนอะ
เดินเพลินๆ มาเรื่อยๆ จนมาถึงสะพาน Karl Theodor Bridge (German: Karl-Theodor-Brücke) หรือที่เขาเรียกกันย่อๆ ว่า Old Bridge ค่ะ สะพานแห่งนี้เป็นสะพานหินในไฮเดลเบิร์กข้ามแม่น้ำเนคก้า เชื่อมระหว่างเมืองเก่ากับเขต Neuenheim ด้านตะวันออก ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม สะพานสร้างโดยใช้ หินทรายจากหุบเขาเนคก้า สร้างขึ้นในปี 1788 โดย Elector Charles Theodore ทีนี่ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่รู้จักกันมากที่สุดอีกที่หนึ่งในไฮเดลเบิร์กค่ะ
หลังจากนั้นเราไปนั่งเรือชมแม่น้ำ Rhine ค่ะ แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านหลายประเทศในยุโรป โดยเริ่มต้นจาก Graubünden บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองที่ใหญ่ที่สุดริมแม่น้ำสายนี้ ก็คือเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมัน ปัจจุบันแม่น้ำสายนี้เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าทางเรือ ปราสาทหลายแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ แสดงให้เห็นว่าเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญของจักรวรรดิโรมันศักดิสิทธิ์
ล่องเรืออยู่ประมาณ 50 นาทีค่ะ อากาศไม่ถึงกับดีนักเลยไม่ได้ออกมาตรงดาดฟ้าเรือ รูปที่ถ่ายมาเลยจะเห็นเงากระจกอยู่บ้างค่ะ จริงๆ ที่ประทับใจคือบ้านเรือนโบราณต่างๆ น่ารักดีค่ะ พยายามหาคำเรียกสไตล์บ้านแบบนี้แต่หาไม่เจอ T^T เราลงจากเรือที่เมือง Bobpard แล้วมุ่งหน้าสู่เมือง Cologne ค่ะ
นี่คือมหาวิหารโคโลญจน์ค่ะ ปัจจุบันยอดของมหาวิหารเป็นยอดวิหารที่สูงที่สุดค่ะ สูงถึง 157 เมตรค่ะ สมัยก่อนเขามีความเชื่อว่า หากยิ่งสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งใกล้ชิดพระเจ้ายิ่งขึ้นเท่านั้นค่ะ สูงจริงๆ นะ พอเข้าไปยืนข้างหน้าแล้วกล้องถ่ายรูปเก็บไม่หมดเลย ถ้าจำได้ไม่ผิด คุณไกด์บอกว่าจริงๆ มหาวิหารนี้เป็นสีขาวนะ (สะดุดนิดนึง เพราะตอนอยู่ตรงหน้า ดูยังไงก็ไม่ค่อยจะขาวสักเท่าไหร่เลย) ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มหาวิหารนี้ถูกระเบิดทางอากาศถึง 14 ครั้ง แต่ก็ยังตั้งสูงตระหง่านอยู่ได้ ขณะที่เมืองโดยรอบๆ พังพินาศเป็นหน้ากลองไปหมดแล้ว เป็นมหาวิหารที่น่าทึ่งจริงๆ
ภายในมหาวิหารถึงจะมีผู้คนมากมาย แต่ก็ให้ความรู้สึกสงบอย่างน่าประหลาดใจเลยค่ะ
รูปปั้น The Pietà ค่ะ คำว่า Pietà เป็นภาษาอิตาลีซึ่งหมายความถึงศิลปะของศาสนาคริสต์ ที่แสดงถึงภาพพระแม่มารีย์อุ้มศพพระเยซูค่ะ ส่วนมากจะเป็นรูปปั้น รูปปั้น The Pietà ที่มีชื่อเสียงที่สุดน่าจะเป็นฝีมือของคุณ Michelangelo ที่เป็นรูปแกะสลักหินอ่อนนะ
ตอนที่เข้าไปเหมือนกำลังสวดมนต์กันพอดีค่ะ ถึงจันไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่ก็รู้สึกดีค่ะ ให้ความรู้สึกสงบ อบอุ่น และสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ
ที่นี่ หากมองจากมุมสูงลงมา จะเห็นเป็นรูปไม้กางเขนด้วยนะ ผังของมหาวิหารทำเป็นรูปไม้กางเขนค่ะ (เป็นแปลนนิยมของสมัยก่อนล่ะ)
พูดถึงประวัติสักนิด มหาวิหารโคโลญจน์นี้ เริ่มต้นสร้างตั้งแต่ปี 1248 การสร้างโบสถ์สไตล์โกธิคแห่งนี้ ผ่านกรรมวิธีหลายตอน แล้วมาเสร็จในปี 1880 หรือก็คือกินเวลาถึง 7 ศตวรรษทีเดียว ผู้สร้างได้รับแรงบันดาลใจจากความศรัทธาและความมุ่งมั่นต่อแผนการดั้งเดิม ดังนั้นมหาวิหารโคโลญจน์ นอกจากจะมีคุณค่าและเป็นผลงานศิลปะชิ้นเอกแล้ว ยังเป็นหลักฐานที่ทำให้เห็นพลังและความอดทนของชาวคริสต์ในยุโรปด้วยค่ะ
ครั้งหน้าจะพาไปยลทิวลิปกันนะคะ
ติดตามกันด้วยนะคะ
*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนและวาดโดยจันเอง ใครจะก๊อปไปไว้ไหน
เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า

– แอดหนูจัน – บล็อกเกอร์ตัวกลม อารมณ์ดีที่ชอบหาอะไรทำสนุกๆ ภายในบ้าน รักการเขียน การอ่าน การวาดรูป และการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือและอุปกรณ์ศิลปะ Craft it Myself • Draw my Life • Create my World