วันนี้ยังอยู่ประเทศเยอรมันค่ะ มาเที่ยวเมือง Heidelberg ซึ่งเป็นเมืองบริเวณแม่น้ำ Neckar ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเยอรมัน เมืองนี้สมัยก่อนเคยเป็นศูนย์กลางการศึกษาของเยอรมัน ปัจจุบันเป็นเมืองผลิตเครื่องพิมพ์และแท่นพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมถึงปราสาทหินทรายแดงไฮเดลเบิร์กที่อายุยืนยาวมาหลายศตวรรษ ตั้งอยู่ข้างแม่น้ำ Neckar บนเนิน Königstuhl ค่ะ (ภาพด้านบนนี้ก็ถ่ายจากปราสาทค่ะ)
บรรยากาศเมืองจะเป็นเมืองเก่าๆ ที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ Baroque ค่ะ เห็นปราสาทบนยอดใช่ไหม นั่นล่ะค่ะ ปราสาทไฮเดนเบิร์ก
รูปปั้น Madonna ที่ Kornmarkt ค่ะ ตอนไปไม่ค่อยมีคนเพราะยังเช้าอยู่ เรื่องเล่าของที่นี่มีอยู่ว่า เมื่อ Karl Philip ผู้เป็นเจ้าชายแห่งดินแดนองค์แรกได้อำนาจปกครอง Electoral Palatinate (ชื่อดินแดนในสมัยก่อน) ในปี 1685 เขาพยายามทำให้ Electoral Palatinate ที่เป็นนับถือศาสนาคริสต์โปรแตสแตนท์ มาอยู่ภายใต้อิทธิพลของคาทอลิค เขาแจกจ่ายใบปลิวเกี่ยวกับศาสนาคริสต์คาทอลิค จัดการเดินขบวนและการจาริกแสวงบุญแบบคาทอลิค รวมถึงสร้างรูปปั้นมาดอนน่าตามที่ต่างๆ จึงมีรูปปั้นมาดอนน่าที่ไฮเดลเบิร์ก เจ้าชายแห่งดินแดนให้มาเรียเป็นผู้อุปการะหญิงแห่ง Electoral Palatinate ดังนั้นรูปปั้นที่ Kornmarkt จึงกลายเป็นศูนย์กลางแห่งการสักการะบูชา แต่อย่างไรก็ตาม รูปปั้นมาดอนน่าในไฮเดลเบิร์กก็หมดความสำคัญไป เพราะผู้นับถือนิกายโปรแตสแตนท์ส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่ไฮเดลเบิร์กและพวก Electoral Palatinate ก็ยอมออกไปจากเมืองไป มากกว่าจะเปลี่ยนมานับถือนิกายคาทอลิค ปัจจุบันรูปปั้นนี้จึงไม่ได้มีความสำคัญทางศาสนาใดๆ แล้วค่ะ
การขึ้นปราสาทไฮเดนเบิร์กนั้นต้องขึ้นกระเช้าไฟฟ้า Bergbahn เพื่อไปที่ปราสาทค่ะ ก่อนขึ้นกระเช้ามีบอร์ดบอกประวัติต่างๆ ด้วย
ขึ้นมาแล้วล่ะ ! บนนี้มองเห็นเมืองมุมสูงได้รอบเลยค่ะ วิวเมืองเก่าสวยมากๆ เลยล่ะ ปราสาทไฮเดนเบิร์ก ปราสาทที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นศิลปะแบบ Gothic ผสม Renaissance ค่ะ เริ่มต้นสร้างตั้งแต่ก่อนปีค.ศ. 1214 แล้วขยายเป็นปราสาทสองหลังช่วงปี 1294 แต่จากนั้นใน 1537 ก็มีสายฟ้าฟาดลงมา ทำลายปราสาทส่วนบนไป โครงสร้างแบบปัจจุบันนั้นได้รับการขยายประมาณปี 1650 ก่อนจะเสียหายเพราะสงครามและเพลิงไหม้ ซ้ำร้ายในปี 1764 ก็มีสายฟ้าฟาดลงมาอีกครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และทำลายบางส่วนที่สร้างขึ้นมาใหม่ไปอีกค่ะ
วิวจากด้านบนจะเห็นเมืองชัดเจน สีเขียวชอุ่มตัดกับสีอาคารโบราณที่ออกสีส้มแดงเนี่ย สวยมากๆ เลยค่ะ
ชอบควันขาวๆ ที่ถ่ายติดมามากเลยล่ะ
ประตูทางขวามือเป็นประตูไฮไลท์จุดหนึ่งของที่นี่ค่ะ เรียกว่า Elisabeth’s Gate ซึ่งเป็นประตูทรงประตูชัย ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางเข้าค่ะ ตามตำนานกล่าวว่าในปี 1615 ประตูนี้เจ้าชาย Elector Friedrich V สร้างขึ้นภายในคืนเดียว เพื่อมอบเป็นของขวัญวันเกิดแก่เจ้าหญิง Elisabeth Stuart แห่งอังกฤษที่รักยิ่งของพระองค์ค่ะ จุดเด่นของประตูชัยนี้ก็คือลักษณะเสาที่เป็นเอกลักษณ์กับลวดลายใบไม้ดอกไม้ที่ตกแต่งอยู่ค่ะ
ปราสาททางซ้ายมือเรียกว่า “FRIEDRICH BUILDING” ค่ะ แต่ในโซนนี้จะถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของนักสถาปนิกสมัย Renaissance เลยนะ เขาบอกว่าปราสาทไฮเดนเบิร์กนั้น เป็นอาคารหลายอาคารรวมกันได้อย่างโดดเด่นที่สุดในสมัยโรมันศักดิ์สิทธิ์โบราณ เจ้าชายสั่งให้รวมสถาปนิกชื่อดังมาสร้างอาคารคนละหลัง รอบๆ ลานแห่งนี้ค่ะ
รูปปั้นต่างๆ ที่ตกแต่งอยู่บริเวณอาคารจะเป็นจักรพรรดิและกษัตริย์องค์ต่างๆ ค่ะ
เดินดุ่ยๆ ไปตามทางลาดลง จะมีบริเวณที่เก็บถังไวน์โบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ (จากรูปกลาง โปรดสังเกตคนค่ะ ฮ่าๆ) ถังไวน์ขนาดยักษ์นี้สร้างขึ้นในอาคารตั้งแต่ปี 1591 ถังจุไวน์ได้ 130,000 litres (หรือราวๆ 34,342 แกลลอน) ซึ่งเป็นไวน์ที่เก็บแทนภาษีค่ะ
อาคารที่มีถังเก็บไวน์เนี่ย เรียกว่า THE FASSBAU (BARREL BUILDING) ด้านบนเป็นลานกว้างๆ ที่เห็นวิวเมืองโดยรอบได้สุดลูกหูลูกตาค่ะ แนะนำมากๆ สำหรับคนที่อยากถ่ายรูปวิวเมืองสวยๆ ค่ะ สวยจริงๆ นะ
โบสถ์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่นั้น คือ The Church of the Holy Spirit (German: Heiliggeistkirche) เป็นโบสถ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองค่ะ โบสถ์นี้ตั้งอยู่ใจกลางตลาด ซึ่งเคยเป็นใจกลางเมืองไฮเดนเบิร์กในสมัยก่อน ตั้งแต่ปี 1970 บันไดด้านหลังของโบสถ์นี้ ได้รับความนิยมในหมู่พวกฮิปปี้ค่ะ และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญตั้งแต่นั้นมา
มีคนฝากรอยอารยธรรมไว้เต็มเลย เพื่อนๆ อย่าเอาอย่างนะคะ
ปิดท้ายด้วยภาพก่อนอำลาปราสาทไฮเดนเบิร์กค่ะ เจ้าเหมียวนี่น่ารักจริงๆ เลยนะ
*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนและวาดโดยจันเอง ใครจะก๊อปไปไว้ไหน
เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่า

– แอดหนูจัน – บล็อกเกอร์ตัวกลม อารมณ์ดีที่ชอบหาอะไรทำสนุกๆ ภายในบ้าน รักการเขียน การอ่าน การวาดรูป และการทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองเป็นชีวิตจิตใจ หลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเขียน อุปกรณ์งานฝีมือและอุปกรณ์ศิลปะ Craft it Myself • Draw my Life • Create my World