Nuchun's Atelier

บล็อกรีวิวเครื่องเขียน l สีมาร์คเกอร์ l อุปกรณ์วาดรูป พร้อมวิธีทำงานประดิษฐ์สนุกๆ ที่ทำได้ที่บ้าน

[Photographer Tips] เคล็ดลับการเตรียมกล้องไปเที่ยว ฉบับ nuchun

สวัสดีค่า~ วันนี้มีเคล็ดลับการเตรียมกล้องถ่ายรูปสำหรับไปเที่ยวมาฝากกันล่ะ

จะไปเที่ยวทั้งที อยากถ่ายรูปสวยๆ รู้ไหมคะ ว่ากระเป๋ากล้องของคนเล่นกล้องจริงจัง หนักประมาณเท่าไหร่?
ติ๊กต่อก
ติ๊กต่อก

คำตอบคือ 6 กิโลกรัมค่ะ ตอนขึ้นเครื่องบิน กระเป๋าเป้ใบโตที่พี่ชายใส่กล้อง Digital SLR (กล้องตัวใหญ่ๆ ที่ช่างภาพชอบใช้กัน) พร้อมเลนส์ที่เอาไป ชั่งได้เท่านี้ รวมกับขาตั้งกล้องอีก 1.5 กิโลกรัมที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง สำหรับคนอึดถึกอย่างพี่ชายดูจะไม่เป็นอุปสรรค แต่ถ้าลองคิดว่าตัวจันต้องแบกกระเป๋าเหมือนยกดัมเบลเดินไปนู้นมานี่… อูย ชีวิต

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จันไปแคนาดามาค่ะ ครั้งนี้รู้สึกอุปกรณ์กล้องถูกใจจันมาก เลยอยากมาเล่าให้ฟังกัน แบบเบา ครบ และพร้อมถ่ายทุกสถานการณ์ แต่ขอย้ำไว้ก่อนว่าอันนี้ความเห็นส่วนตัวและจากประสบการณ์ตรง จันเน้นถ่ายวิว แต่ก็ไม่ได้เป็นโปรเรื่องกล้องมากนัก แค่ถ่ายไปตามใจฉัน เรื่องเทคนิคไม่รู้ แต่จันอยากนำเสนอในมุมมองของคนที่อยากถ่ายรูปวิวมาเก็บเป็นที่ระลึก คุณภาพรูปพอขายกับเว็บสต็อคได้ แต่อยากสบายๆ ไม่ต้องจ่ายแพง แบกไม่ต้องหนัก ลองอ่านแล้วเอาไปประกอบการตัดสินใจซื้อได้ค่ะ

จันไปเที่ยวในสภาพนี้ค่ะ มีเพียงกระเป๋าสะพายแล่งผู้หญิงหนึ่งใบ ข้างในมีอุปกรณ์กล้อง กระเป๋าสตางค์ มือถือ หูฟัง พกเท่านี้เที่ยวค่ะ สำหรับจันเบาๆ ไว้ก่อนจะดีกว่า

ในกระเป๋าใบนั้นมีอุปกรณ์กล้องมีดังนี้ค่ะ

  • กล้อง Mirrorless Panasonic Lumix GM1 พร้อมเลนส์ 14-42 ยี่ห้อ LUMIX (ปกติจะใส่ 12-32 ที่เป็นเลนส์ที่แถมมากับกล้อง แต่มันพังพอดี)
  • เลนส์ Wide Converter 0.45x ของ Emolux เพราะไม่มีงบซื้อเลนส์ Wide (ใส่กับเลนส์ปกติแล้วจะถ่ายได้มุมกว้างขึ้น) (อยู่ทางซ้ายบน)
  • เลนส์ Tele (เลนส์ซูม) ระยะ 40-150 ของ Olympus (อันที่กระบอกยาวๆ)
  • แบตเตอรี่ 3 ก้อน (ใครถ่ายรูปเยอะๆ แบบถ่ายตลอดเวลา ดูภาพบ่อยๆ แนะนำประมาณนี้ค่ะ)
  • SD CARD 3 ตัว 64GB 32GB 16GB (จันถ่ายทีละ 7 ช็อต ให้เครื่องปรับค่าแสงสูง ต่ำ พอดี ดังนั้นรูปที่จันถ่ายจะคูณ 7 เลยใช้เยอะมากค่ะ ความจริง 64GB ก็ถมถืดแล้วค่ะ)
  • ขาตั้งกล้องขนาดเล็ก เป็นขาขนาดเท่าฝ่ามือค่ะ
  • แท่นชาร์จแบตเตอรี่ 2 อัน ใส่ในกระเป๋าเดินทาง
  • ส่วนอุปกรณ์อีกอย่างคือเลนส์ Universal Clip ที่ใช้หนีบกับโทรศัพท์มือถือ เป็นเลนส์ Wide สำหรับมือถือนั่นเองค่ะ (เอาไว้ Selfie อ่ะ 555)

ขาตั้งกล้องสำคัญกว่าที่คิด

ขาตั้งกล้องเป็นสิ่งที่มักจะคิดถึงเป็นลำดับท้ายๆ เลยค่ะ “เอาไปทำไมอ่ะ เกะกะ” เพราะเรามีภาพจำว่าขาตั้งกล้องต้องใหญ่ๆ ยาวๆ เหมือนที่พี่ใช้ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ความสำคัญเลย แต่พอลองพกอันเล็กจริงๆ ถ่ายรูปสนุกมากเลยค่ะ เพราะขาตั้งกล้องอันนี้เล็กมากๆ เวลายังไม่ได้ยืดออกขนาดไม่เกินมือ จันใส่ไว้กับกล้องตลอด ใช้เป็นขาตั้งกล้องก็ได้ เป็นก้านจับก็ได้ เพราะกล้องจันเล็ก พอมีที่ให้จับแล้วสบายดีค่ะ ขาเล็กน่ารักยืดได้สามท่อน สีชมพูขายในร้านขายของทุกอย่าง 300 เยน ชื่อ Coucou ที่ญี่ปุ่น

อัพเดทราคาขาตั้งกล้อง 2017.10.25

หลังจากที่จันซื้อขาตั้งกล้องมาตั้งแต่ปี 2013 ตอนที่ไปรัสเซียคราวนี้ ขากล้องหลุดหายไปขาหนึ่งในวันสุดท้ายของการเดินทาง จันเลยต้องหาซื้อขาตั้งกล้องใหม่ จันฝากน้องที่ไปโอซาก้าดูให้ ตอนนี้ที่ร้าน Coucou ไม่มีขายขาตั้งกล้องตัวนี้แล้วค่ะ แต่ตอนนี้ขายที่ Biccamera แทนแล้วในราคา 780 เยน (รวมภาษีแล้ว 842 เยน) มีสามสีด้วยกันคือชมพู เทา และดำค่ะ ระหว่างที่ตามหาก็ได้ลองซื้อขาบ้านเรามาลองใช้ดู  แนะนำหาซื้อตามร้านขายกล้องและพวกศูนย์ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ จะมีไซส์ใกล้เคียงกัน แต่ส่วนมากจะยืดได้แค่สองท่อน และขายาวกว่าที่จันใช้อยู่ค่ะ ส่วนของไดโซะ (ที่เคยแนะนำไปก่อนหน้านี้) คุณภาพไม่ค่อยดีนัก เพราะข้อต่อต่างๆ ค่อนข้างหลวม และวัสดุไม่ค่อยดี (เบาและดูเหมือนรับน้ำหนักกล้องไม่ค่อยได้ ยางตรงปลายขาเป็นพลาสติกเลยค่อนข้างลื่น) ไม่แนะนำให้ซื้อนะคะ

เวลาถ่ายในที่มืด อย่างเช่น ในโบสถ์มืดทึบที่มีเพียงแสงลอดผ่านกระจกสี ร้านอาหารบรรยากาศทึมๆ มีเพียงแสงเทียนส่องสว่าง การถ่ายภาพแสงสีในเวลากลางคืน หรือการถ่ายน้ำตกในวันที่ฟ้ามืดครึ้ม ขาตั้งกล้องช่วยได้มากจริงๆ ค่ะ แค่หาที่ตั้งขาจากบริเวณรอบๆ จะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ เสาที่กั้นตรงทางเดิน หรือวางบนพื้นแล้วกดชัตเตอร์ ก็จะได้รูปสวยๆ ไม่ต้องกลัวสั่น กลัวเลื่อนเลย

(ภาพน้ำตกไนแองการ่าตอนกลางคืนที่ได้จากการตั้งกล้องถ่ายตามภาพด้านบนค่ะ)

ถ่ายภาพในที่แสงน้อยๆ และวิวกลางคืน

หรือการถ่ายน้ำตกในวันที่ฟ้ามืดครึ้ม เมื่อสมองของกล้องคำนวณแล้วว่าเปิดตาไว้นานๆ หน่อย ถ้าไม่ใช้ขา รูปก็จะสั่นๆ แต่พอใช้แล้ว รูปไม่สั่น น้ำก็จะดูฟูนุ่มขึ้นค่ะ อันนี้ไม่ได้ตั้งอะไรเลย ปล่อยให้กล้องคิดให้ ตั้งขาแล้วกดอย่างเดียวเลยค่ะ

โหมดที่ใช้คือโหมด P แทนการใช้ Auto

 

(ภาพบน/ซ้าย ถ่ายโหมด Auto ภาพล่าง/ขวา ถ่ายโหมด P ที่ปรับเร่งสีในกล้องแล้ว)

กล้อง Compact หลายๆ ตัวก็มีโหมดนี้ โหมด P เราไม่ต้องคิดมาก ทำเหมือนการถ่ายแบบ Auto ทุกอย่าง คือเล็งแล้วกด แต่จุดที่ชอบใช้ของโหมดนี้ก็คือเราตั้งค่าเริ่มต้นได้ เช่นการเร่งสีภาพ จันก็เร่งแล้ว Save ไว้เลยค่ะ ภาพที่ได้จะสีสดใสแบบที่จันชอบ

 

ลองเรียนรู้โหมด P แทนการใช้ Auto ดูนะคะ

เลนส์ที่สำคัญสำหรับการไปเที่ยว

หลังจากไปเที่ยวมาหลายรอบ ลองผิดลองถูกกับการเลือกซื้อเลนส์ สิ่งที่ค้นพบคือถ้าชอบถ่ายวิว เลนส์ที่ต้องการคือเลนส์ Wide ค่ะ เลนส์ Wide จะทำให้เก็บภาพมุมกว้างได้ ถ่ายตึกขนาดใหญ่โดยไม่เสียจุดใดจุดหนึ่งไป พอเห็นสถานที่อันใหญ่โตอยู่ตรงหน้าแล้วจะเข้าใจค่ะ ว่าเลนส์ Wide สำคัญจริงๆ

สิ่งที่เรียกว่าเลนส์ Wide พี่ชายอธิบายคร่าวๆ บอกว่าถ้าตัวเลขที่เขาเรียกๆ กัน เช่น 14-42 ดูที่ตัวเลขแรก ถ้าอยู่ที่เลขตัวเดียวถึงสิบต้นๆ ก็จะเก็บได้กว้างแล้วค่ะ เลนส์ Fisheye จริงๆ ก็คือเลนส์ Wide เหมือนกัน แต่ว่าเลนส์นี้นอกจากจะเก็บได้กว้างแล้ว ยังทำให้ภาพผิดสัดส่วนนิดๆ คือดูแล้วโค้งกลม

 

(จันอัพภาพ High Resolution ให้ คลิกดูคุณภาพเต็มที่รูปเลยค่ะ)

อุปกรณ์ที่จันใช้เรียกว่าเลนส์ Wide Converter ค่ะ เป็นเหมือนฟิลเตอร์ตัวโตที่ใส่เข้าไปทับเลนส์ที่เราใช้อีกที ใส่แล้วช่วยให้เลนส์เดิมของเราถ่ายรูปได้ในมุมกว้างขึ้น ลองดูภาพบนทั้งสองภาพเอานะคะ ภาพแรกไม่ใส่เลนส์ Wide Converter ภาพหลังใส่เลนส์ Wide Converter เข้าไป จันยืนอยู่ที่เดิม ตั้งกล้องที่จุดเดียวกัน เลนส์ซูมเท่ากัน ต่างกันแค่ใส่เลนส์กับไม่ใส่ค่ะ มันเก็บได้กว้างขึ้นเยอะ แต่ข้อเสียคือขอบภาพจะเบลอ ดูเหลื่อมนิดๆ และอาจมีเงาให้เห็นค่ะ อุปกรณ์นี้สนนราคา 1,190 บาท เทียบกับการซื้อเลนส์ Wide ตัวละ 20,000 กว่าบาท จันก็ว่าคุ้มนะ

ความจริงถ้าเอาระยะที่จันใช้มาคูณกัน (ระยะเลนส์ 14 × ระยะ Wide Converter 0.45) จะได้ 6.3 ซึ่งเป็นเลนส์ Fisheye แล้ว พอมาใช้จริงๆ แล้วไม่ได้บิดเบี้ยวจนน่ากลัวอย่างที่คิดไว้ค่ะ (แค่ตรงเส้นขอบฟ้าออกจะโค้งนิดหน่อย เหมือนเห็นวิวจนสุดขอบโลกเลยนะ :D)

แล้วเลนส์ซูมเยอะๆ ไม่สำคัญเหรอ?

ถ่ายจากมุมที่จันยืน

ใช้เลนส์ซูมถ่ายไปบริเวณเชิงบันไดค่ะ

สมัยก่อนจันเลือกกล้องจากการซูมนะ ยิ่งซูมเยอะยิ่งดี แต่พอเที่ยวเยอะๆ เลนส์ซูมโอกาสใช้จริงไม่เยอะอย่างที่คิดค่ะ มีแค่เวลาถ่ายนก ถ่ายสัตว์ หรือแอบถ่ายเด็กจากที่ไกลๆ เพราะเวลาไปเที่ยว ส่วนใหญ่เราเดินไปที่จุดหมายอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องซูมมากมายค่ะ ส่วนใหญ่เลนส์ที่แถมมากับกล้องก็ค่อนข้างเหมาะสมดีแล้ว

ถ้าให้พูดตรงๆ เลนส์ซูมหรือ Tele จะได้ใช้มากที่สุดตอนไหน คำตอบก็คือเมื่อไปติ่งดาราค่ะ อันนี้ได้ใช้แน่นอน 😂😂 ใครซื้อกล้องด้วยเหตุนี้ หยอดกระปุกซื้อเลนส์ซูมได้เลยค่ะ

ถ้าจะซื้อกล้องใหม่เลือกยังไงดี?

ใครอยากเดินตามรอยวิถีช่างภาพฟรุ้งฟริ้งแสนขี้เกียจ จันแถมการเลือกกล้องฉบับหนูจันให้ด้วยค่ะ
ถ้ามียี่ห้อที่ชอบอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่จะใช้ยี่ห้อนั้นๆ ต่อไป ซึ่งก็เป็นวิธีที่ดีแล้วนะ เพราะพวกโทนสีหรือฟังก์ชั่นจะเป็นแบบที่เราชอบ ไม่ต้องมานั่งเรียนรู้ใหม่ ส่วนอื่นๆ ที่จันดูจะมีแค่…

  1. ขนาด หน้าตา และน้ำหนัก : จันจะเลือกซื้อกล้องขนาดเล็กที่ใส่กระเป๋าถือได้ค่ะ ถ้าหน้าตาน่ารักแบบกล้องวินเทจ ใช้เป็นพรอพได้จะดีมากๆ นอกจากนี้จับแล้วยังต้องใช้ถนัดด้วย ปุ่มเล็กไปไหม ถ้าต้องใช้เล็บจิกเพื่อกดปุ่มนี่จัดว่าเล็กไปแล้วค่ะ ที่จันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะถ้าขนาดหรือหน้าตาเป็นแบบที่เราไม่ชอบ เราจะใช้ได้ไม่นานค่ะ จะรู้สึกทนใช้ มีช่วงนึงพ่อของจันเปลี่ยนกล้องเป็นว่าเล่นเพราะเหตุผลนี้ แม้มือโปรอาจคิดว่าสเปคต้องมาก่อน แต่จากประสบการณ์เรื่องนี้สำคัญสุดค่ะ
  2. สีของภาพ : ขอลองที่ร้านกล้อง ให้เขาลองปรับค่าแบบที่เราชอบ จะสีซีดเบาๆ ใสๆ หรือสีสดใส แล้วลองถ่ายในฉากจำลองในร้าน ถ้าดูแล้วชอบ ไม่ต้องมานั่งแต่งในแอพอีก ก็ใช้ได้ค่ะ จันว่ากล้องที่จะเหมาะกับเราน่ะ ความสดของสีที่ได้เป็นสิ่งสำคัญนะ อย่างจันชอบสีเวอร์ๆ สดใส ปรู๊ดปร๊าด เขียวเป็นเขียว แดงเป็นแดง มานั่งปรับทุกรูป แม้แต่ในวันที่ฟ้าใส หรือถ่ายในทุ่งดอกไม้ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เรื่องสีนี่แล้วแต่รสนิยมจริงๆ เป็นเรื่องสำคัญมากๆ ค่ะ
  3. การต่อยอด : ถ้าคนมีงบประมาณแล้วชั่งใจระหว่าง Compact กึ่งโปร กับ Mirrorless ซึ่งเปลี่ยนเลนส์ได้ จันก็เชียร์ Mirrorless นะคะ ถ้าหากรู้สึกสนุกกับการถ่ายรูปขึ้นมา ก็ยังต่อยอดได้ เช่น เล่นโหมด Manual หรือซื้อเลนส์เพิ่มเติม แต่ถ้าไม่คิดจะจริงจัง ก็ยังใช้เหมือน Compact ตัวหนึ่งได้ แต่ Compact ถึงจะง่าย ใช้สะดวก แต่ถ้าเกิดอยากจะจริงจังขึ้นมา ก็ต้องเปลี่ยนกล้องสถานเดียว จันประสบมาแล้วก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ Mirrorless เลยแนะนำแบบนี้ค่ะ

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมจันเลือกอะไรง่ายจัง ในความเห็นของจัน คือเดี๋ยวนี้สเปคของกล้องแต่ละยี่ห้อไม่ได้ต่างกันขนาดนั้นแล้ว ยิ่งลักษณะการใช้งาน ถามว่าจันเอารูปกลับมาทำอะไร จันไม่ได้เอามาพิมพ์บิลล์บอร์ดอ่ะค่ะ คือแค่เก็บไว้ดูเอง ส่งขายนิดหน่อย ก็เลยไม่รู้สึกว่าต้องแคร์สเปคเป็นอันดับหนึ่ง เซ็นเซอร์แบบไหน เลนส์ของอะไร เรื่องปวดหัวขนาดนั้นเลยไม่ค่อยอยู่ในหัว แค่อยากสนุกกับการถ่ายรูป แล้วได้รูปสีสันตามที่คาดหวังมากกว่า

ก็ขอให้อ่านแล้วเป็นวิธีทางการเลือกกล้องและเตรียมอุปกรณ์กล้องไปเที่ยวแล้วกันค่ะ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ!

*********************
ทั้งหมดเป็นการเขียนและวาดโดยจันเอง
ใครจะก๊อปไปไว้ไหน เครดิต www.nuchun.com ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ